×

Fund Flow ทั่วโลกไหลกลับหุ้นเกาหลีใต้ ขานรับรัฐบาลใหม่เร่งปฏิรูป-เพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้น

08.06.2025
  • LOADING...
korea-stock-fund-flow

หลังจากตลาดหุ้นเกาหลีใต้ทำผลงานได้น่าผิดหวังและถูกมองข้ามจากนักลงทุนต่างชาติมานาน ขณะนี้บรรดาผู้จัดการกองทุนระดับโลกต่างแสดงความเชื่อมั่นครั้งใหม่และกลับเข้าลงทุนอย่างคึกคัก โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากความหวังว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีคนใหม่ อีแจมยอง จะสามารถผลักดันนโยบายปฏิรูปที่เอื้อต่อผู้ถือหุ้นและปลดล็อกมูลค่าที่ซ่อนอยู่ของบริษัทจดทะเบียนได้สำเร็จ

 

ผู้จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Aberdeen Investments, Pictet Wealth Management และ Franklin Templeton ได้เริ่มเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหรือปรับมุมมองต่อตลาดหุ้นเกาหลีใต้ให้เป็นบวกมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาต่างขานรับคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดี อีแจมยอง ที่จะยกระดับบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) และเพิ่มผลตอบแทนของตลาดให้สูงขึ้นเกือบสองเท่า หลังจากประเทศผ่านพ้นความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดจากการประกาศใช้กฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ ของรัฐบาลชุดก่อน

 

สัญญาณบวกปรากฏชัดเจนเมื่อนักลงทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง ช่วยผลักดันให้ดัชนี Kospi ซึ่งเป็นดัชนีหลักของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เข้าสู่ภาวะตลาดกระทิง (Bull Market) ได้ตั้งแต่วันแรกที่ อีแจมยอง เข้ารับตำแหน่ง บรรยากาศที่คึกคักนี้สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่า ผู้นำคนใหม่จะสามารถเร่งรัดความพยายามในการเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งทำให้นึกถึงการปฏิรูปในลักษณะเดียวกันที่เคยสร้างความสำเร็จและจุดประกายให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงมาแล้ว

 

พฤกษา เอี่ยมธงทอง รองหัวหน้าฝ่ายหุ้นเอเชียแปซิฟิกของ Aberdeen Investments ซึ่งกองทุน Asian ex-Japan มูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ของบริษัทได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเกาหลีใต้ไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 

 

“เราเริ่มเห็นสัญญาณเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงแล้ว เราเชื่อว่าความพยายามร่วมกันของรัฐบาลและบริษัทในประเทศจะช่วยส่งเสริมความไว้วางใจในตลาดทุนของเกาหลีใต้ และสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับมูลค่าของผู้ถือหุ้นมากขึ้นได้อย่างแน่นอน” พฤกษากล่าว

 

ปลดล็อก ‘Korea Discount’

 

ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติเบือนหน้าหนีตลาดหุ้นเกาหลีใต้มาโดยตลอดคือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘Korea Discount’ ซึ่งหมายถึงการที่หุ้นของบริษัทเกาหลีมักจะซื้อขายกันในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) และต่ำกว่าคู่แข่งในต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

 

ต้นตอของปัญหานี้มาจากเศรษฐกิจที่ถูกครอบงำโดยกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ควบคุมโดยครอบครัว หรือที่เรียกว่า แชโบล (Chaebols) ซึ่งมักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าล้มเหลวในการปกป้องสิทธิของผู้ถือหุ้นรายย่อย ส่งผลให้นักลงทุนไม่มั่นใจและกดราคาหุ้นให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อชดเชยความเสี่ยงด้านบรรษัทภิบาล

 

จอน จุน กรรมการผู้จัดการของ MY.Alpha Management HK Advisors ในฮ่องกง ให้ความเห็นว่า “ความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่บริษัทหามาได้กับสิ่งที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รับกลับคืนนั้นมันขาดหายไป” แต่เขาเชื่อว่าปัญหานี้ “กำลังจะได้รับการแก้ไขโดยพรรคประชาธิปไตย (พรรครัฐบาล) และกฎหมายของพวกเขา”

 

เครื่องยนต์ปฏิรูป แก้กฎหมายพาณิชย์-ผลักดัน ‘Corporate Value-up’

 

หนึ่งในภารกิจเร่งด่วนของ อีแจมยอง คือการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อ ขยายขอบเขตความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัท (Fiduciary Duty) ให้ครอบคลุมถึงผู้ถือหุ้นทั้งหมด ไม่ใช่แค่เพียงต่อตัวบริษัทเอง ซึ่งเป็นการสกัดกั้นกรรมการที่ทำหน้าที่เพียงตรายางรับรองมติของผู้บริหาร (Rubber-stamping Directors) นอกจากนี้ พรรครัฐบาลยังเสนอให้มีการปรับปรุงกระบวนการเสนอชื่อคณะกรรมการตรวจสอบและนำระบบการลงคะแนนแบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เพื่อเพิ่มความโปร่งใส

 

การปฏิรูปเหล่านี้พุ่งเป้าไปที่กลุ่มแชโบลโดยตรง และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้โครงการ Corporate Value-up ที่ริเริ่มเมื่อกว่าหนึ่งปีก่อนมีความคืบหน้ามากขึ้น โปรแกรมนี้ถอดแบบมาจากโครงการ Name and Shame ของญี่ปุ่น โดยกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ ริเริ่มมาตรการเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วยตนเอง

 

จอห์น โช ผู้จัดการพอร์ตหุ้นเกาหลีของ JPMorgan Asset Management กล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัท 160 แห่งที่ประกาศแผน Value-up แล้ว แม้หลายแผนจะยังขาดรายละเอียด แต่เขาคาดว่า “แผนในระยะต่อไปจะมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น เกาหลีเพิ่งอยู่ในปีที่สองของแผน Value-up เท่านั้น เมื่อเทียบกับการเดินทางด้านธรรมาภิบาลตลอดทศวรรษของญี่ปุ่น”

 

สัญญาณการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏ

 

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ (Korea Exchange) แสดงให้เห็นว่า ยอดการจ่ายเงินปันผลรวมของบริษัทในดัชนี Kospi ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 12% เป็น 44 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท ขณะที่การซื้อหุ้นคืนพุ่งขึ้นกว่าสองเท่าเป็น 18.7 ล้านล้านวอน หรือราว 4.5 หมื่นล้านบาท

 

หยี่ผิง เลี่ยว ผู้จัดการกองทุนของ Franklin Templeton Emerging Markets Equity ซึ่งได้ทยอยเข้าซื้อหุ้นเกาหลีตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง กล่าวว่า “กลุ่มแชโบลกำลังเปลี่ยนแปลงแผนของพวกเขาจริงๆ อันเนื่องมาจากแรงกดดันจากทั้งรัฐบาลและจากตลาด” ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ กรณีของ Hanwha Aerospace Co. ที่ยอมลดขนาดการเสนอขายหุ้นหลังจากเผชิญแรงต่อต้านจากนักลงทุนที่กังวลว่ามูลค่าหุ้นของตนจะลดลง (Value Dilution)

 

ความท้าทายยังคงอยู่ แต่ความหวังมีมากกว่า

 

แม้รัฐบาลใหม่จะมีความตั้งใจจริง แต่เส้นทางการปฏิรูปก็ยังคงมีความท้าทายอยู่ข้างหน้า ประเด็นการแก้ไขกฎหมายภาษีมรดกและเงินปันผลซึ่งนักลงทุนบางส่วนเรียกร้อง ยังคงต้องการการสนับสนุนจากสาธารณชนในวงกว้าง นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังต้องรับมือกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น แนวโน้มการขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ, ภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว และความแตกแยกทางการเมืองในประเทศที่ยังคงฝังรากลึก

อย่างไรก็ตาม โจนาธาน ไพน์ส หัวหน้าผู้จัดการกองทุนและหัวหน้าฝ่ายเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นของ Federated Hermes กล่าวว่า “เรามีน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเกาหลีใต้สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมูลค่าที่ยังต่ำ และด้วยความหวังว่าภูมิทัศน์การลงทุนจะยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

 

การกลับมาของความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ครั้งนี้ จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าจับตามองอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทั่วโลก และเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่าการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างจริงจังจากภาครัฐ สามารถปลดล็อกศักยภาพและลบภาพจำ Korea Discount ที่ฉุดรั้งตลาดมานานหลายปีได้หรือไม่

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising