เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ยอมรับว่า การไร้ความสามารถในการจบสกอร์ส่งผลทำให้ทีมต้องกระเด็นตกรอบยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ทั้งๆ ที่มีโอกาสมากมายที่จะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด
เกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 เมื่อคืนที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลได้กลับมาเล่นในแอนฟิลด์ หลังจากพ่ายแพ้ในเกมแรกที่เอสตาดิโอ อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน ตกเป็นรองด้วยสกอร์ 1-3 ทำให้ต้องการชัยชนะขั้นต่ำ 2-0 หรือผลต่างมากกว่า 3 ประตู หากเรอัล มาดริด ยิงได้ในเกมเยือน
แต่ผลการแข่งขันจบลงด้วยการที่ทั้งคู่เสมอกันไป 0-0 ทำให้รวมผล 2 นัด เรอัล มาดริด ชนะไป 3-1
ตลอด 90 นาทีที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลซึ่งเล่นได้ดีกว่าเกมแรก มีโอกาสมากมายที่จะทำประตู โดยเฉพาะโอกาสทองของ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ในช่วงต้นเกม ซึ่งคล็อปป์มองว่า การพลาดการได้ประตูในจังหวะสำคัญแบบนี้คือจุดที่ทำให้ทีมไม่ได้ไปต่อ
“เราต้องการช่วงเวลาสำคัญๆ แบบนี้เสมอ” คล็อปป์กล่าว “คืนนี้เราไม่ได้แพ้ เราแพ้ที่มาดริด แต่ถ้าเราเล่นแล้วยัน 0-0 ได้ เราก็อาจจะยังได้สู้กันต่อ ถึงจะยิงไม่ได้ก็ตาม
“พวกเขาก็ลำบาก วันนี้เราทำกันได้ดี เราเล่นได้ดุดัน ทำเกมกันได้ดี และมีโอกาสสำคัญมากๆ ในช่วงต้นเกม
“ถ้าเราคว้าโอกาสได้ เกมก็จะเปิด พวกเขามีช่วงที่ตกที่นั่งลำบาก และถ้าเรายิงได้ พวกเขาก็จะลำบากมากขึ้น แต่คำว่าถ้าไม่มีความหมาย เพราะเรายิงไม่ได้ และด้วยประสบการณ์ของผู้เล่นเรอัล มาดริด พวกเขาก็พยายามคุมสถานการณ์เอาไว้”
คล็อปป์ยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาในแนวรุกที่ลิเวอร์พูลเผชิญในฤดูกาลนี้ ตัวเลขสถิติที่เหลือเชื่อคือ นับตั้งแต่เข้าปี 2021 เป็นต้นมา ทีมมีโอกาสลุ้นทำประตูในแอนฟิลด์ 129 ครั้ง แต่กลับยิงได้แค่ 3 ประตูเท่านั้น โดย ซาดิโอ มาเน ยิงได้แค่ 1 ประตู จาก 10 นัดหลังสุด ขณะที่ โรแบร์โต เฟียร์มิโน ยิงได้แค่ 1 ประตู จาก 20 นัดเท่านั้น
เรอัล มาดริด จะผ่านไปพบกับเชลซี ในรอบรองชนะเลิศต่อไป สำหรับอีกคู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกเฉือนเอาชนะโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้ 2-1 ทำให้แมนฯ ซิตี้ ชนะด้วยประตูรวม 2 นัด 4-2 ได้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปพบกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง
อ้างอิง: