บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม หรือ หุ้น KLINIQ บริษัทให้บริการด้านผิวหนังความงาม ศัลยกรรมตกแต่ง และการดูแลป้องกันฟื้นฟูสุขภาพชั้นนำ ภายใต้แบรนด์ ‘เดอะคลีนิกค์’ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มบริการ วันนี้ (7 พฤศจิกายน) ด้วยมูลค่าระดมทุน 1,470 ล้านบาท โดยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,390 ล้านบาท
วันนี้ (7 พฤศจิกายน) หุ้น KLINIQ เข้าซื้อขายเป็นวันแรก ราคาเปิดการซื้อขายอยู่ที่ 36 บาท เพิ่มขึ้น 11.50 บาท หรือ 46.94% จากนั้นราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดของช่วง 15 นาทีแรกของการซื้อขายที่ 39.75 บาท หรือสูงกว่าราคาจอง 62.24%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทำความรู้จัก 7 หุ้น IPO น้องใหม่ เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ
- อัปเดต 7 หุ้น พอร์ต เซียนฮง สถาพร งามเรืองพงศ์ มูลค่า 6.14 พันล้านบาท
- 10 หุ้น ขึ้น XD จ่ายเงินปันผลสูงสุดในรอบเดือน ก.ย. 65
KLINIQ มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 110 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 160 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 60 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานไม่เกิน 6 ล้านหุ้น, ผู้มีอุปการคุณไม่เกิน 9 ล้านหุ้น และนักลงทุนสถาบันและบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 45 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 28, 31 ตุลาคม และ 1 พฤศจิกายน 2565 ในราคาหุ้นละ 24.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,470 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,390 ล้านบาท
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ประมาณ 31.78 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทฯ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้
อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ลงทุนในการขยายกิจการ ลงทุนในการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติม ขยายกิจการศูนย์ศัลยกรรม และพัฒนาระบบ IT และระบบข้อมูลลูกค้า รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
KLINIQ มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 รายแรกหลัง IPO คือ กลุ่มทองวัฒน์ ถือหุ้น 52.35%, บมจ.เอกชัยการแพทย์ ถือหุ้น 7.27% และ รัฐพล กิตติชัยตระกูล ถือหุ้น 7.16%