วันนี้ (16 พฤษภาคม) ที่โรงแรม Golden Tulip Sovereign ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม, ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, ไผ่ ลิกค์ สส. กำแพงเพชร ในฐานะเลขาธิการพรรค และ อรรถกร ศิริลัทธยากร สส. ฉะเชิงเทรา ในฐานะนายทะเบียนพรรค ให้การต้อนรับ น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และ การุณ โหสกุล เข้าร่วมงานพรรคกล้าธรรม
ศ. ดร.นฤมล กล่าวว่า เรายินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจและดีใจอย่างยิ่ง ทั้งสองคนมีประสบการณ์ทางการเมืองสูง น.อ. อนุดิษฐ์ เคยเป็นผู้บริหารพรรคการเมือง จึงทราบการบริหารการจัดการการเมืองภายในพรรค จึงให้เข้ามาช่วยในการกำหนดยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรคกล้าธรรม และเราพร้อมจะต้อนรับทีมงานทุกคนที่จะนำมาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม
“วันนี้ปิดดีลเรียบร้อย ส่วนอนาคตข้างหน้าจะมีการวางไว้ว่าให้ทั้งสองคนมีตำแหน่งภายในพรรคแน่นอน แต่ขอหารือกันภายในก่อน และจะให้ น.อ. อนุดิษฐ์ ดูเรื่องยุทธศาสตร์ให้กับพรรค รวมทั้งการกำหนดกิจกรรมทางการเมือง การขับเคลื่อนทางการเมืองทั้งกรุงเทพฯ และภาคต่างๆ จะต้องวางทัพขับเคลื่อนอย่างไร”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังพื้นที่ในกรุงเทพฯ ใช่หรือไม่ นฤมลยอมรับว่า แน่นอนและคาดหวังทั่วประเทศไทย อยากจะเสนอในนามของพรรคกล้าธรรม เข้าไปรับใช้ประชาชนไม่เว้นพื้นที่ใดทั้งสิ้น ส่วนทีมงานที่ว่าหมายถึง สส. ด้วยหรือไม่นั้น เรายินดีต้อนรับทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สส., อดีต สส. หรือว่าที่ผู้สมัคร ของทั้งสองคนจะมาร่วมด้วย
น.อ. อนุดิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจาอาจจะดูไม่ได้ยาวนาน ก่อนที่พวกเราจะตัดสินใจ เบื้องต้นได้พิจารณาพูดคุยจนตกผลึกพอสมควร หลังจากมีโอกาสหารือและพูดคุยกับหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ให้เกียรติกับพวกเรา โดยเฉพาะเรื่องภารกิจที่คาดว่าจะมีการมอบหมายให้ตนทำต่อไป ถือว่าเป็นงานทางการเมืองที่ท้าทาย และเป็นงานทางการเมืองที่ตนมีประสบการณ์ ในอนาคตจะใช้ความรู้ความสามารถ เพื่อทุ่มเททำงานให้กับพรรคได้ทำอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้
ส่วนเรื่องทีมงานต่างๆ และ สส. การจะขับเคลื่อนทางการเมืองต้องนำมาด้วยภารกิจสำคัญของพรรคการเมือง แนวทาง วัตถุประสงค์ และเป้าหมาย ตนคิดว่าพรรคกล้าธรรมแม้จะเป็นพรรคน้องใหม่ แต่ในเรื่องของความชัดเจนยึดเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้ด้อยกว่าพรรคการเมืองอื่น หวังว่าในอนาคตจะมีทั้งนักการเมือง, สส. หรืออดีต สส. ที่สนใจ ที่คุยกันเมื่อสักครู่กับหัวหน้าพรรค ท่านก็ยินดีที่จะต้อนรับบุคคลทางการเมืองที่มีความสนใจและมีอุดมการณ์ที่ยึดเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่มีความใกล้ชิดกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้แจ้งว่าอย่างไร น.อ. อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ตนได้กราบเรียนท่านมาตลอด เราทั้งสองคนเราไม่ทำงานทางการเมืองและไม่ได้ร่วมกิจกรรมการเมืองสักพัก แต่ทางการเมืองเรายังคงลงพื้นที่ต่อเนื่องและได้ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองมาตลอดจนนำมาสู่การตัดใจครั้งนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคไทยสร้างไทยไปไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่ น.อ. อนุดิษฐ์ กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยมีแนวทางการขับเคลื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหญิงสุดารัตน์ก็จะชี้แจงกับสื่อให้รับทราบ แนวทางของพรรคไทยสร้างไทยในการขับเคลื่อนที่ติดตามอยู่การเมืองสุจริตถือว่าประชาชนให้การสนใจ ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้ยินว่าคุณหญิงสุดารัตน์น้อยใจแต่อย่างใด และตอนนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการการสมัครเป็นสมาชิกต่อไป
ขณะที่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวถึงกรณีที่เคยระบุว่าจะมีคนย้ายเข้าพรรคกล้ากว่า 30 คน ว่า ก็ตอนนี้มีมา 2 คนแล้ว เรื่องที่เราเคยคุยกันไว้ไม่ว่าจะเป็นตนเองหรือหัวหน้าพรรค เราพูดอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น ตอนนี้เรามองข้ามไปถึงการเตรียมตัวเพื่อสู่เวทีเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 มาเมื่อไรก็เมื่อนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่มีการพูดว่าพรรคกล้าธรรมจะเป็นพรรคการเมืองใหญ่ในอนาคต ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ลองติดตามดู หลังจากวันนี้ที่มี 2 คนนี้ น.อ. อนุดิษฐ์ ก็ถือเป็นพี่ชายคนหนึ่งทางการเมือง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าก็สอนอะไรตัวเองมาเยอะ ส่วนการุณก็เป็นน้องรักที่รู้จักกันมานาน หลังจากนี้ก็จะมีการขับเคลื่อนทั้งสองคน และอีกหลายท่านที่จะเข้ามาร่วมอุดมการณ์ ก็รอติดตาม
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่พรรคกล้าธรรมในช่วงนี้เนื้อหอม ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเองรู้สึกว่าจะเหนื่อยน้อยลง จะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต อย่างที่ในเวลานี้ตนเองเข้าไปเป็นสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ก็จะเห็นว่าตนเองอยากเห็นความเจริญทางด้านกีฬา และมอบหมายงานให้ ศ. ดร.นฤมล, ไผ่, อรรถกร ดูแลพรรค และคนอื่นๆ ดูแลพรรคต่อไป ส่วนตนเองจะคอยเป็นพี่เลี้ยงให้
ธรรมนัสยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการที่ น.อ. อนุดิษฐ์ และการุณ มาร่วมงาน ได้หารือกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนหรือไม่ว่า ได้มีการคุยกันแล้ว ตนกับ น.อ. อนุดิษฐ์ ได้ไปปรึกษาท่าน วิถีชีวิตที่เราอยู่กันมา เมื่อต้องแยกกันก็เป็นเรื่องปกติ เราไม่ได้มีความขัดแย้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับทักษิณมาโดยตลอดใช่หรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า จะทำอะไรต้องหารือที่มาที่ไปของแต่ละท่าน โดยที่ทักษิณไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรเพิ่มเติม