×

‘กิตติรัตน์’ เล็งตั้งกองทุน ESG Fund แสนล้าน ซื้อหุ้นไทย พร้อมถก ก.ล.ต.-ตลท. ยกระดับคุมเข้มจับผิด Naked Short Sell

14.11.2023
  • LOADING...
กิตติรัตน์ ESG Fund

จากกรณีที่ช่วงบ่ายวานนี้ (13 พฤศจิกายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเรื่องสภาวะตลาดหุ้น หลังจากตลาดหุ้นไทยร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล 

 

พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้สัมภาษณ์ THE STANDARD WEALTH ภายหลังการหารือร่วมกับ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี, ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และกระทรวงการคลัง ถึงสภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาว่า ในที่ประชุมมีการหารือร่วมกันใน 3 เรื่องหลัก ดังนี้

 

เรื่องแรกคือ ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ต้องการสื่อสารเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจต่างๆ ของรัฐบาล ทั้งที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และเตรียมจะดำเนินการในอนาคต เพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดทุนได้รับข้อมูล เนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวอ้างอิงจากข้อมูลจากเศรษฐกิจในอดีตมากจนเกินไป

 

นอกจากนี้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ยังเป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ที่รับผิดชอบดูแลในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งในวันนี้ (14 พฤศจิกายน) จะมีความชัดเจนของมาตรการออกมา เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อสร้างความมั่นใจว่านโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลสามารถช่วยสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2567 ได้

 

“ท่านประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มองว่าการคุยในครั้งนี้ไม่ใช่การเรียกเข้ามาพบ แต่เป็นการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน เพราะในมุมของรัฐบาลก็ต้องการสื่อสารให้ความมั่นใจในเรื่องแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ กับภาคตลาดทุน เพื่อนำไปสื่อสารต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เกิดความมั่นใจด้วย”

 

เรื่องที่สอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้ขอรับฟังความคิดเห็นจากกรณีที่มีความเชื่อว่า การทำ Short Sell กับโปรแกรมเทรดดิ้ง เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยให้ปรับลดลง ซึ่งกรณีนี้ ทั้งสำนักงาน ก.ล.ต. กับตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ชี้แจงข้อมูลโดยแยกเป็น 2 ประเด็น 

 

ประเด็นแรก ได้ชี้แจงว่าจากการตรวจสอบธุรกรรมการทำ Short Sell กับโปรแกรมเทรดดิ้ง พบว่าไม่ใช่ปัจจัยหลักที่กดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง แต่เกิดจากเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย รวมถึง Sentiment เชิงลบจากกรณีหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น หรือ MORE กับ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK ที่เกิดขึ้นในปีนี้     

 

ส่วนประเด็นที่สอง ความกังวลในการทำ Naked Short Sell ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ผิดกฎหมายนั้น จากการตรวจสอบที่เป็นมาตรฐาน ยืนยันได้ว่าไม่มีการทำธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยอย่างแน่นอน อีกทั้งสำนักงาน ก.ล.ต. กับตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบให้เข้มข้นขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง

 

เรื่องที่สาม ได้หารือร่วมกันถึงปัจจัยบวกในการสนับสนุนตลาดหุ้นไทย โดยในวันนี้ (14 พฤศจิกายน) กระทรวงการคลังจะมีการหารือร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เกี่ยวกับมาตรการส่งเสริม รวมถึงรูปแบบของกองทุนที่จะมาสนับสนุนการออมในตลาดหุ้นในระยะยาว และมาตรการสนับสนุนการลดหย่อนทางภาษี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรูปแบบของกองทุน ESG

 

ด้าน กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือ เรื่อง สภาวะตลาดหุ้น กับปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. และกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (13 พฤศจิกายน) ซึ่งผลการประชุมร่วมกันที่ออกมาไม่ได้มีมาตรการพิเศษที่จะหยุดความผันผวนของตลาดหุ้นไทยแต่อย่างใด

 

ขณะที่ในการหารือได้อธิบายกับผู้บริหารทั้งสามหน่วยงานและเห็นตรงกันว่า มาตรการต่างๆ ที่ ก.ล.ต. และ ตลท. ปฏิบัติอยู่นั้นดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะประเด็นที่มีข้อกังวลว่ามีการทำ Naked Short Sell ทุบหุ้นไทย ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่มี 

 

อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. และ ตลท. จะยกระดับมาตรการควบคุม Naked Short Sell ให้มีความเข้มงวดมากขึ้นอีก

 

ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามเน้นให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นถึงการพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต โดยในวันนี้ (14 พฤศจิกายน) จะมีการแถลงมาตรการแก้หนี้ของภาคประชาชนครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งจะส่งผลต่อดีภาพรวมเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้นได้มากกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้

 

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะหารือกับตลาดทุนไทยในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดตั้ง ESG Fund เบื้องต้นจะมีลักษณะการลงทุนระยะยาวคล้ายกับ LTF แต่จะเข้าลงทุนในหุ้น ESG เชื่อว่าจะช่วยหนุนตลาดทุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ใช่การจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนพยุงหุ้น โดยจะออกกองทุนประหยัดภาษีรูปแบบใหม่ โดยเน้นเรื่องของ ESG ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เบื้องต้นประเมินว่าจะมีมูลค่ากองทุนหลักแสนล้านบาท

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X