นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น เปิดเผยแผนทุ่มงบประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายนโยบายสนับสนุนประชาชนหนุ่มสาวและครอบครัวต่างๆ ในความพยายามเพื่อเพิ่มอัตราการเกิดของประเทศในช่วง 3 ปีข้างหน้า หลังจากที่อัตราการเกิดลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา
ท่าทีของคิชิดะมีขึ้นระหว่างการประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรี ผู้เชี่ยวชาญ และผู้นำภาคธุรกิจ วานนี้ (1 มิถุนายน) เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยผู้นำญี่ปุ่นกล่าวว่ากำลังเสนอนโยบายเพื่อจัดการกับปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลงในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมถึงเดินหน้าเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในการเลี้ยงดูบุตร
“เราจะเดินหน้ามาตรการเหล่านี้เพื่อต่อสู้กับอัตราการเกิดที่ลดลง โดยไม่ขอให้ประชาชนต้องรับภาระเพิ่ม” เขากล่าว
ทั้งนี้ งบประมาณส่วนหนึ่งตามแผนดังกล่าวจะถูกใช้สนับสนุนโดยตรงสำหรับผู้ที่มีบุตร และเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับการศึกษาและการดูแลก่อนคลอด ตลอดจนส่งเสริมการทำงานที่ยืดหยุ่นและการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร
อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนแผนรับมืออัตราการเกิดต่ำดังกล่าวของคิชิดะยังเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากไม่สามารถระบุแหล่งเงินทุนที่ชัดเจน นอกเหนือจากการตัดค่าใช้จ่ายงบประมาณในส่วนอื่นและเพิ่มการพัฒนาเศรษฐกิจ
สำหรับญี่ปุ่นซึ่งมีประชากร 125 ล้านคน ถือเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่เผชิญปัญหาอัตราการเกิดต่ำรุนแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีอัตราการเกิดใหม่น้อยกว่า 8 แสนคนในปีที่แล้ว ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึก ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดูแลประชากรสูงอายุก็กำลังพุ่งสูงขึ้น
ขณะที่จำนวนประชากรสูงอายุของญี่ปุ่นมีมากเป็นอันดับ 2 รองจากโมนาโก โดยกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองที่ค่อนข้างเข้มงวดยังส่งผลให้เผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
ภาพ: Philip Fong / AFP
อ้างอิง: