ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่า บริษัทฯ มีแผนจะดำเนินการปิดกิจการ 3 สาขา ได้แก่ สาขาศรีวารี, พัทยา และมหานคร ภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งเป็นสาขาร้านค้าปลอดอากรในเมือง (Downtown Duty Free) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภาพรวมการท่องเที่ยวที่มีจำนวนของนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ที่ลดลง
อีกทั้งยังเตรียมเปิดโครงการสมัครใจลาออกกับพนักงานเพื่อเป็นการลดต้นทุนการบริหารงาน ซึ่งไม่ได้จำกัดจำนวนพนักงานเข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ พนักงานที่เข้าร่วมโครงการสมัครใจลาออก จะได้รับการชดเชยรายได้ตามอายุของการทำงาน
ทั้งนี้ THE STANDARD WEALTH จะพาไปเจาะลึกลงไปที่งบการเงินของ King Power เอง พบตัวเลขที่น่ากังวลหลายประการ ดังนี้
- หนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities): หนี้สินระยะสั้นของ King Power พุ่งขึ้นแตะ 13,813 ล้านบาทในปี 2023 จาก 5,686 ล้านบาทในปี 2022 แม้ตัวเลขที่เคยสูงถึง 7,370 ล้านบาทในปี 2021 จะเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด แต่การที่หนี้สินกลับมาพุ่งสูงอีกครั้งในช่วงที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวแล้ว ถือเป็นสัญญาณที่น่ากังวลต่อความสามารถในการชำระหนี้
- อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio): ตัวเลขนี้บ่งชี้ความเสี่ยงทางการเงินในปี 2023 D/E Ratio ของ King Power อยู่ที่ 10.22 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่สูงมาก (เทียบเท่ากับธุรกิจสถาบันการเงิน) และสูงกว่าช่วงวิกฤตโควิดที่เคยอยู่ที่ 94.46 (ตัวเลขปี 2021 เป็นกรณีพิเศษจากการปรับโครงสร้างทางบัญชี) ตัวเลขนี้ตอกย้ำถึงภาระหนี้ที่สูงจนน่ากังวล
- อัตราส่วนทุนหมุนเวียน (Current Ratio): ใช้วัดสภาพคล่องในการชำระหนี้ระยะสั้น โดยค่าที่ต่ำกว่า 1 หมายถึงความเสี่ยง ในปี 2023 Current Ratio ของ King Power อยู่ที่ 0.99 เท่า ซึ่งหมายความว่าบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนไม่เพียงพอสำหรับชำระหนี้สินหมุนเวียนทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับปัญหาการค้างชำระหนี้ต่อ AOT ที่ปรากฏให้เห็น