ภาพข่าวที่คนระดับผู้นำประเทศพร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย และยังคงคอนเซปต์ทักทายผู้คนด้วยคำหวาน “สวัสดีนะจ๊ะ” และบอกให้ทุกคนช่วยกัน ‘สวดมนต์’ ขออย่าให้พายุเข้ามาอีก
ทำให้เรานึกถึงรัชทายาทอีชาง (จูจีฮุน) ผู้นำจากซีรีส์ Kingdom ซีซัน 2 ที่เมื่อเจอวิกฤตกองทัพผีดิบอาละวาด สิ่งที่เขาทำคือการพาทีมงานต่อสู้กับกองทัพซอมบี้ด้วยแผนการ ลงมือปฏิบัติอย่างทุ่มเท ต่อสู้ เอาชีวิตรอด พาประชาชนพ้นวิกฤตเหนือธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องสวดมนต์อ้อนวอนต่อสิ่งใดแม้แต่ครั้งเดียว
ถึงแม้จะรู้ดีว่านี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกสมมติของซีรีส์ แต่เราก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้จริงๆ ว่า ถ้าอีชางมีโอกาสเป็นผู้นำประเทศนี้สัก 7 ปี ชีวิตของผู้คนจะดีขึ้นมากขนาดไหน
Kingdom ซีซัน 2 เล่าเรื่องต่อจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของกองทัพผีดิบในซีซันแรกที่มีจุดเริ่มต้นมาจากเสนาบดีโจฮักจู (รยูซึงรยง) ใช้สมุนไพรคืนชีพชุบชีวิตพระราชาให้ฟื้นขึ้นมาในร่างผีดิบ เพื่อรักษาฐานอำนาจเดิมของกลุ่มแฮวอนโจเอาไว้ รอจนกว่าลูกสาวที่มีศักดิ์เป็นพระมเหสี (คิมฮเยจุน) ให้กำเนิดทายาทที่เป็น ‘ผู้ชาย’ มาสืบราชบัลลังก์
เป็นต้นเหตุของการแพร่เชื้อไปยังประชาชนที่อยู่ทางแผ่นดินฝั่งตะวันตกและลุกลามไปในหลายๆ พื้นที่ โดยมีคำพูดติดปากที่เป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมว่า ที่ทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อ ‘ความสงบสุขของแผ่นดินและประชาชน’
ในช่วงเวลาที่สถานการณ์เลวร้ายลงไปทุกที โจฮักจูก็ยังคงอ้างเรื่อง ‘ความสงบ’ มาสร้างวาทกรรมซ้ำๆ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการรักษาอำนาจของตัวเองต่อไป
ในขณะที่โจฮักจูเน้นใช้คำพูดและอำนาจที่ถือครองเบ็ดเสร็จจัดการกับศัตรูทางการเมือง อีชางกลับเป็นผู้นำที่พูดน้อย เพราะต้องเอาเวลาไปวิ่งหนี ต่อสู้กับผีดิบ สืบหาความจริง และช่วยเหลือประชาชนโดยรอบ
“ข้าจะลงโทษโจฮักจูที่เพิกเฉยต่อความอดอยาก ครอบครองในสิ่งที่ไม่ควรครอบครอง เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้รอดพ้นจากความอดอยาก ข้าต้องมีชีวิตรอดเพื่อสร้างโลกใบใหม่ที่สงบสุขขึ้นมา”
เขาพูดไม่บ่อย แต่ก้มหน้าก้มตาลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง จนหลายครั้งเขาทำได้เพียงมองเห็นคนเสียสละชีวิตให้เขามีชีวิตรอดต่อไปเพื่อเป้าหมายใหญ่ในอนาคต แม้กระทั่งตอนที่ถูก ‘ใส่ร้าย’ ติดป้ายให้เป็นกบฏจากข้อหาสังหารพระราชาที่เป็นพระราชบิดาของตัวเอง เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ แม้ในหัวใจจะเจ็บปวดแหลกสลายเพียงใดก็ตาม
แม้เต็มไปด้วยอุปสรรคที่อันตราย แต่ด้วยความจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหา ทำให้คนข้างกายของอีชางก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวผู้นำ และพร้อมร่วมเดินไปบนเส้นทางนี้จนถึงที่สุด
เราได้เห็นยองชิน (คิมซองกยู) บุรุษปริศนาที่คิดแต่เรื่องการแก้แค้น ขอร่วมเดินทางไปด้วย เพราะเชื่อว่าอีชางคือคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ รวมทั้งโจบอมพัล (จอนซอกโฮ) เจ้าเมืองผู้แสนขี้ขลาดแห่งเมืองทงเร ก็ยอมสวามิภักดิ์ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้แต่หวาดกลัวอยู่ใต้เงาของโจฮักจูมาโดยตลอด รวมทั้งหมอหญิงซอบี (แบดูนา) ที่ใช้ความรู้ลงพื้นที่เสี่ยงชีวิตจนไขปริศนาของสมุนไพรคืนชีพได้สำเร็จ
ถึงแม้เรื่องราวใน Kingdom ซีซัน 2 จะจบลงไปนานแล้ว แต่ภาพการพาผู้คนฝ่าวิกฤตของอีชางก็จะลอยซ้อนทับขึ้นมาแทบทุกครั้งกับภาพการฝ่าวิกฤตของผู้นำ ‘คนดี’ ผู้เชี่ยวชาญด้านการ ‘สวดมนต์’
เรื่องราวในจักรวาล Kingdom ยังคงเดินไปข้างหน้า เมื่อกลางปีที่ผ่านมาเราเพิ่งได้ดู Kingdom: Ashin of the North ที่เป็นภาคขยายเรื่องราวก่อนเกิดซีรีส์ Kingdom ทั้งสองซีซัน และคาดว่าในปีหน้า Kingdom ซีซัน 3 ก็น่าจะพร้อมฉายให้พวกเราได้เห็นภาวะการเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาของอีชางอีกครั้งหนึ่ง
ที่น่าเศร้าก็คือ ระหว่างรอให้ถึงตอนนั้น อนาคตของผู้คนที่รอดูอยู่จะเป็นอย่างไร ไม่แน่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้นำอาจพาประเทศไปอยู่ในจุดที่น่ากลัวกว่าโดนกองทัพซอมบี้อาละวาด และไม่มี ‘บทสวด’ ไหนช่วยได้แล้ว
เรียบเรียงและอัปเดตรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทความ https://thestandard.co/kingdom-2-review/