×

พระราชาอย่างนี้มีที่ไหน

04.12.2025
  • LOADING...
พระราชาอย่างนี้ มีที่ไหน

พระราชาอย่างนี้ มีที่ไหน 1

 

เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 นั้น

 

ประชาชนไทยร่ำไห้กันทั่วทั้งแผ่นดิน

 

ผู้เขียนใช้ภาพพสกนิกรไทยเรือนแสน ณ ข้างพระบรมมหาราชวังด้านสนามหลวง โดยเขียนคำกวีประกอบไว้ว่า

 

ไม่มีใคร นัดหมาย ใครทั้งนั้น
แต่มากัน ขนัดแน่น ถนนหลวง
นับกี่แสน ร่างกาย ใจหนึ่งดวง
น้ำตาร่วง กราบคารวาลัย

 

เมื่อไปศึกษาพระอัจฉริยภาพด้านประดิษฐกรรมของพระองค์ท่าน จึงเขียนคำกวีอีกบทหนึ่งว่า

 

พระปรีชาญาณ

 

พระปรีชาญาณ เจนจบ กระบวนยุทธ
เป็นที่สุด แห่งการ ผสมผสาน
หลักวิชา เข้ากับ ประสบการณ์
บนพื้นฐาน ความเป็นจริง สุดสิ่งดี

 

1.ทรงเสกฝน

 

เมฆเจ้าเอ๋ย เมตตา ให้นาข้าว
ขอเหนี่ยวน้าว น้ำฟ้า อย่าหลีกหนี
น้ำฝนปน น้ำพระทัย อันปรานี
อาบชื่น ผืนดินนี้ แผ่นดินไทย

 

2.ทรงแกล้งดิน

 

ทำดินเปรี้ยว ให้เปรี้ยว เป็นที่สุด
จนถึงจุด พืชพันธุ์ งามไม่ได้
ให้ดินแห้ง แล้วเปียก สลับไป
‘แกล้งดิน’ ให้ สารอุดม ดินสมบูรณ์

 

3.ทรงปลูกหญ้าแฝก

 

หญ้าแฝกเป็น ภูมิปัญญา อันลึกล้ำ
มันอุ้มน้ำ หน่วงดินได้ ไม่เสื่อมสูญ
รักษาหน้า ดินไว้ เพิ่มไพบูลย์
ช่วยค้ำคูณ น้ำดิน ไว้ด้วยกัน

 

พระราชาอย่างนี้ มีที่ไหน 2

 

4.ทรงชั่งหัวมัน

 

เห็นหัวมัน บนตาชั่ง ชูแตกใบ
อยู่ตรงไหน มันก็ขึ้น ใครขวางกั้น
ทรงพระราชดำริ ‘ชั่งหัวมัน’
ปล่อยพืชพันธุ์ ตามดินฟ้า เอื้ออาท

 

5.ทรงดำริ ‘แก้มลิง’

 

กระพุ้งแก้ม ลิงเก็บ พักกล้วยไว้
น้ำหลากไหล ใส่แก้ม ลิงไว้ก่อน
เมื่อถึงครา ลาแก้ม ค่อยจากจร
น้ำพักผ่อน เพียงพอ รอครรไล

 

เสก ‘ฝน’ จากฟากฟ้า อาบผืนนาและผืนไร่
‘แกล้งดิน’ เปรี้ยวสุดใจ เลี้ยงพืชใหม่ให้งอกงาม
เสก ‘แก้มลิง’ เอาไว้ ชะลอน้ำท่วมเขตคาม
‘หญ้าแฝก’ ประกาศนาม ดินกับน้ำเกื้อกูลกัน
ดินฟ้าดูแลได้ มวลหมู่ไม้ ‘ชั่งหัวมัน’
สรรพสิ่งวิเศษสรร อเนกอนันต์เนรมิต

 

ขอใช้โอกาสนี้ รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน เมื่อ 55 ปี ล่วงมาแล้ว

 

ในระหว่างปี 2501 – 2516 ต่อเนื่องกัน 16 ปี ไม่ว่าวันที่ 20 กันยายน จะตรงกับวันอะไร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จมาทรงดนตรี ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันนั้น

 

วันนั้นชาวจุฬาฯ โดยเฉพาะนิสิต อาจารย์ และบุคลากรชาวจุฬาฯ ทั้งมวล จะใจจดใจจ่อเฝ้า รอรับเสด็จพระองค์ท่าน ผู้คนจุฬาฯ จะอัดแน่นเต็มหอประชุมใหญ่ ทั้งนั่งเก้าอี้และนั่งกับพื้น

 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชโอรส พระราชธิดา ทรงประทับบนเวทีซึ่งมีวงดนตรี อ.ส. ประจำการ พร้อมที่จะบรรเลงเพลง

 

ในช่วงเวลาเช่นนั้น ชาวจุฬาฯ ทั้งมวลรู้สึกได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงผ่อนคลายพระอิริยาบถอย่างเต็มที่ ทรงปลอดจากพระราชภาระอื่นๆ ทรงแซกโซโฟนประจำพระองค์ ทรงเล่าเรื่องราวต่างๆ ทรงหยอกเย้ากับพระบรมวงศานุวงศ์ กับนักดนตรี กับอาจารย์ และผู้คนในห้องประชุม บางขณะทรงทำหน้าที่พิธีกร และทรงต้อนรับการขอเพลงจากผู้ฟัง เป็นพระราชอัธยาศัย ที่ทรงเป็นกันเองอย่างยิ่งกับชาวจุฬาฯ ทั้งมวล

 

วันที่ 20 กันยายน 2513 เป็นวันแห่งความทรงจำ ครั้งหนึ่งในชีวิต

 

ในฐานะเป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในเวลานั้น จึงมีหน้าที่กราบบังคมทูลถวายรายงานเฉพาะพระพักตร์แทนนิสิตจุฬาฯ

 

เนื่องจากมีเหตุการณ์สำคัญก่อนหน้าวันนั้น

 

กล่าวคือ วันที่ 9 และ 10 กันยายน 2513 มีการเดินขบวนของนิสิตจุฬาฯ มากกว่า 2,500 คน ไปยังทำเนียบรัฐบาล และพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการทุจริตในมหาวิทยาลัย ผู้เขียนได้กล่าวรายงานถึงการเดินขบวนของนิสิตจุฬาฯ มีความตอนหนึ่งว่า

 

“ได้มีการกระทำบางอย่างที่ไม่บังควร โดยนิสิตรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คือได้บุกรุกเข้าไปในบริเวณรัฐสภา อันเป็นเขตพระราชฐาน เป็นเรื่องอาชญาไม่พ้นเกล้าฯ นิสิตรู้สำนึกในการกระทำอันไม่เหมาะสมนั้น จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต พร้อมทั้งถวายคำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำสิ่งใดๆ ที่ไม่สมควรอีกต่อไป กับรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเป็นห่วง และมีพระราชกระแสรับสั่งมิให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง กระทำการรุนแรงกับนิสิตในวันเดินขบวน”

 

พระราชาอย่างนี้ มีที่ไหน 3

 

เมื่อจบการถวายรายงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาท โดยไม่มีต้นฉบับ เป็นลักษณะการกล่าวสด (Improvise) ซึ่งเนื้อหามีความเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลสอดคล้องกัน เต็มไปด้วยพระราชอารมณ์ขัน เรียกเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากบรรดานิสิตตลอดเวลา

 

ทรงมีพระบรมราโชวาทว่า

 

“ถ้าตามโบราณของเรา คนที่เดินทางมา ไม่ใช่เดินขบวน ผ่านไปที่ไหนถ้าหิวก็เข้าไปในบ้าน แล้วเขาก็เลี้ยง คือเขาแบ่งให้ แต่ว่าการที่วันนั้นเดินทางเฉียดสวนจิตรไป ก็นึกว่าจะแวะเข้ามาเยี่ยมกันบ้าง (เสียงปรบมือ) แต่ว่าหาได้มาเยี่ยมไม่”

 

“วันนั้นการเดินทางของนิสิตก็เดินอย่างมีระเบียบพอดู ไม่ได้ขัดจราจร แม้จะมีผู้นำคำพูด ซึ่งนับว่าเป็นพระบรมราโชวาทที่ได้พูดมาหลายปีแล้วว่า นักศึกษาควรจะใช้สมอง คือใช้หัวไม่ใช่ใช้เท้านั้นมาอ้าง ก็ยังนับว่าเดินอย่างใช้หัว (เสียงปรบมือ)ไม่ใช่ว่าผู้ที่เดินในวันนั้น เดินแบบโยคะ เอาหัวถูดิน แต่ว่าใช้สมอง”

 

“แต่ที่เห็นประจักษ์ได้ชัดคือว่าทั้งวันที่ 9 ทั้งวันที่ 10 ที่ไปถึงทำเนียบก็เดินไป ได้ออกกำลังดี และขากลับก็กลับมาด้วยรถบัส ก็ไม่เหนื่อยดี คือว่าใช้สมองว่าขากลับมาจะเดินกลับก็ป่วยการ เพราะไม่ได้เป็นการแสดงอะไรแล้ว กลับรถบัสก็ดีแล้ว (เสียงฮา) นับได้กว่า 10 คัน”

 

“แต่ก็ขอให้ระลึกถึงที่เคยพูดอีกด้วยว่าการเดินขบวนนั้นต้องมีประโยชน์ เมื่อมีประโยชน์แล้วก็เดินไป ที่นึกถึงข้อนี้ก็เพราะมานึกดูว่า เราไปแสดงมติ มีจุดประสงค์ที่จะแสดงมติว่าไม่ชอบคอรัปชั่น ซึ่งก็เห็นด้วยว่าคอรัปชั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีที่ทำให้บ้านเมืองล้มเหลวลงไปอย่างยิ่ง ต้องหาวิธีการที่จะปราบคอรัปชั่นนั้น เป็นการแสดงมติของผู้ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนี้ว่า ต้องปราบคอรัปชั่น ซึ่งก็เป็นมติที่ถูกต้องและเป็นการแสดงที่ถูกต้อง”

 

คีตทิพย์ พระบรมราโชวาท และพระราชอารมณ์ขันที่ทรงพระราชทานในวันนั้น เป็นทั้งความ รมย์รื่น และเป็นการเตือนสติอย่างสำคัญ ให้การเดินขบวนต้องใช้สมองและกระทำอย่างมีความรับผิดชอบ พระบรมราโชวาทจึงเป็นมงคลคำแห่งปัญญา ที่ตรึงตราชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งมวล นับเป็นประสบการณ์ตรงที่เป็นมิ่งมงคลยิ่งในชีวิต

 

จึงขอใช้โอกาสนี้ แสดงคารวาลัยต่อล้นเกล้าฯ ในโอกาสวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2568ในวันนี้ ด้วยคำกวีอีกหนึ่งบท

 

พระราชาอย่างนี้ มีที่ไหน 4

 

พระราชาอย่างนี้มีที่ไหน

 

พระราชา อย่างนี้ มีที่ไหน
ใครก็ได้ ช่วยเสาะ แสวงหา
เปลี่ยนเวียงวัง เป็นโรงวัว และโรงนา
มีปากกา ไว้จดจาร งานแผ่นดิน

 

มีผืนหญ้า แทนผืนพรม อันทอดยาว
มีเดือนดาว แทนไฟฟ้า ในผืนถิ่น
ราชรถ คืออาชา เป็นอาจินต์
ราชอาสน์ ภูมินทร์ คือดินดอน

 

มีม่าน มงคลทิพย์ เป็นแผ่นผา
มีน้ำป่า ฟ้าใส มีสิงขร
เป็นมิ่งมิตร ผนึกมั่น ไม่สั่นคลอน
มีหยดเหงื่อ เป็นอาภรณ์ ประดับพักตร์

 

เห็นแล้ว แจ้งแล้ว ที่กลางจิต
นิรมิต ของจริง จารประจักษ์
พระทรงงาน ไร้วัน ได้ผ่อนพัก
ประวัติศาสตร์ จำหลัก เจิดแจรง

 

พระราชา อย่างนี้ มีที่ไหน
ที่ใดทุกข์ เสด็จไป ทุกหนแห่ง
สมความหมาย ภูมิพระนาม ทรงสำแดง
จรัสแสง แห่งพลัง ภูมิแผ่นดิน

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising