วันนี้ (5 กรกฎาคม) เมื่อเวลา 14.00 น. ศูนย์ติดตามสถานการณ์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยกรณีเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ภายในซอยกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
สถานการณ์ล่าสุดยังมีไฟไหม้รุนแรงและกลุ่มควันหนาแน่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งระดมกำลังเข้าระงับเหตุต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา จังหวัดสมุทรปราการได้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณรัศมีโดยรอบ 5 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ ให้อพยพออกจากพื้นที่และจัดตั้งจุดอพยพ 3 จุด ได้แก่ โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์, องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางพลีใหญ่ (หลังเก่า) และวัดบางพลีใหญ่กลาง
สำหรับการสนธิกำลังเข้าระงับเหตุ ปภ. ได้ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ เพื่อประสานการสนับสนุนและได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมด้วยเครื่องจักรกลสาธารณภัยสนับสนุนการดับเพลิงฯ ประกอบด้วย รถหอน้ำ 37 เมตร, รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว, รถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง และรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยเพื่อขนโฟมดับเพลิง ซึ่งขณะนี้อยู่ในพื้นที่และปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานและอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แล้ว รวมถึงได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต 10 นาย เข้าร่วมสนับสนุนการปฏิบัติการ
เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. เฮลิคอปเตอร์ KA-32-02 ได้เริ่มขึ้นบินสำรวจพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งจะได้มีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย มีความร้อน และกลุ่มควันหนาแน่น และการบินทิ้งโฟมจะต้องบินต่ำ จึงต้องคำนึงความปลอดภัยเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังได้ส่งชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ของ ปภ. ส่วนกลาง จำนวน 9 ราย เข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่อเข้าร่วมสนับสนุนการบัญชาการและระงับเหตุ
ทั้งนี้ ปภ. ได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด ให้ใช้พื้นที่ของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นจุดระดมทรัพยากร หรือ Staging Area เพื่อสนับสนุนการระงับเหตุไฟไหม้ โดย ปภ. ได้ระดมรถดับเพลิงโฟมสารเคมีขนาดใหญ่จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1 ปทุมธานี, เขต 3 ปราจีนบุรี และเขต 16 ชัยนาท ปริมาณโฟมดับเพลิงกว่า 25,000 ลิตร พร้อมทั้งประสานรถโฟมเคมีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เทศบาลนครแหลมฉบัง, เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์, คลังน้ำมันบางจาก, คลังน้ำมัน PSP สมุทรสาคร และ PTT ชลบุรี) เพื่อเตรียมสำรองโฟมสนับสนุนดับเพลิงอีกกว่า 17,000 ลิตร
ทั้งนี้ เครื่องจักรกลทั้งหมดได้ทยอยเข้าจุดระดมทรัพยากรเพื่อรอเข้าปฏิบัติการแล้ว
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือและอุปกรณ์สาธารณภัยที่เข้าไปในพื้นที่จะช่วยสนับสนุนให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความปลอดภัยมากขึ้น
เบื้องต้นท่ามกลางความเสียหายที่กินพื้นที่เป็นวงกว้าง ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 70 หลัง ประชาชน-อาสาสมัครได้รับบาดเจ็บรวมกันไม่น้อยกว่า 30 ราย
ขณะที่วิทยุ จส.100 รายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. มีรายงานพบเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิต 1 นาย เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อและสังกัด อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด
นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ระบุผ่านวิทยุสื่อสารว่า ให้ทีมปฏิบัติงานถอนกำลังออกเวลานี้ เนื่องจากเพลิงไหม้เริ่มลุกลามเพิ่มขึ้นและหวั่นว่าจะเกิดเหตุระเบิดซ้ำ
พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น