พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน ‘ห้องตรวจหาเชื้อ’ (Modular Swab Unit) ให้สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นแห่งที่ 5 ภายใต้ ‘โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน’ เพื่อรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563
โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้ 20 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ด้วยการแยกพื้นที่ระหว่างทีมแพทย์และคนไข้ออกจากกัน และใช้ระบบควบคุมแรงดันและคุณภาพอากาศที่เหมาะสม พร้อมกับมีระบบฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยสามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้อย่างรวดเร็วภายใน 3 วัน
สถาบันบำราศนราดูรซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักในสังกัดกรมควบคุมโรค มีหน้าที่ดูแลและรักษาคนไข้ โดยเฉพาะในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่จะมีคนไข้และผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเข้ามาตรวจและรักษาเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้เข้ามาใช้บริการต้องรอคอยนาน ดังนั้นการมีห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสิ่งอำนวยความสะดวกที่โรงพยาบาลมีได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้พิธีรับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวมี นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค, นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร และยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี ร่วมพิธี
นพ.อัษฎางค์ กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาต่อสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค อย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน ‘ห้องตรวจหาเชื้อ’ (Modular Swab Unit) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทานเพื่อรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ รวม 20 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค ซึ่งได้รับพระราชทานเป็นแห่งที่ 5
สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนของสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค และประชาชนทุกคน รู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีอย่างหาที่สุดมิได้ และจะนำนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อที่ได้รับพระราชทานในครั้งนี้ ไปใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีที่สุดเต็มกำลังความสามารถ และเพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานเป็นแนวหน้า อีกทั้งเป็นกำลังหลักในการรักษาผู้ป่วยให้มีขวัญมีกำลังใจและมีความปลอดภัยในการปฏิบัติงานต่อไป”
ด้าน นพ.อภิชาต กล่าวว่า การที่สถาบันบำราศนราดูรได้รับพระราชทานห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) พวกเรารู้สึกปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ อันเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจต่อบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการการตรวจหาเชื้อ ซึ่งเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้นถ้าเรามีห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) จะช่วยลดอัตราเสี่ยงจากการติดเชื้อและให้ความปลอดภัยต่อบุคลากรทางการแพทย์ผู้ปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดี ทำให้การรักษาพยาบาลประชาชนชาวไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่ยุทธนากล่าวว่า เอสซีจีรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้มีส่วนร่วมในการผลิตนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) เพื่อช่วยปกป้องทีมบุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ และช่วยปกป้องประชาชนจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยห้องตรวจหาเชื้อดังกล่าวนอกจากจะพัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ซึ่งนอกจากจะตั้งใจออกแบบให้มีระบบควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย มีระบบป้องกันอากาศรั่วไหลที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้าออกตัวอาคาร ทำให้ภายในอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี จึงช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยแก่บุคลากรทางการแพทย์ขณะปฏิบัติหน้าที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยงได้มากขึ้นแล้ว ห้องตรวจหาเชื้อที่ติดตั้ง ณ สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักซึ่งมีหน้าที่ดูแลและรักษาคนไข้ผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อเป็นจำนวนมากยังสามารถต่อยอดสู่การตรวจหาเชื้อโรคอื่นที่อาจจะมีสถานการณ์ระบาดต่อไป ซึ่งด้วยความร่วมมืออย่างดียิ่งของทางโรงพยาบาล ประกอบกับประสบการณ์และความชำนาญของทีมติดตั้ง จึงทำให้การดำเนินการต่างๆ สำเร็จลงภายในเวลาเพียง 3 วัน พร้อมที่จะให้บริการแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ในทันที
สำหรับนวัตกรรมห้องตรวจหาเชื้อ (Modular Swab Unit) นี้ พัฒนาจากเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution ภายในห้องตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ได้ออกแบบให้มีระบบ Smart Indoor Air Quality (IAQ Smart) ที่ช่วยควบคุมแรงดันและการหมุนเวียนของอากาศให้สะอาด ปลอดภัย และระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล (Air Tightness) ที่ทำให้ห้องปิดสนิท ป้องกันอากาศเข้าออกตัวอาคาร ทำให้ในตัวอาคารสามารถควบคุมแรงดันอากาศได้เป็นอย่างดี
โดยทีมแพทย์จะอยู่ในห้องความดันบวกที่ไม่มีอากาศเสียจากภายนอกเข้าไป อากาศภายในจึงบริสุทธิ์ปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงติดเชื้อจะอยู่ในห้องความดันลบ และมีระบบดูดอากาศเสียออกไปกำจัดอย่างต่อเนื่อง จึงป้องกันไม่ให้มีอากาศฟุ้งกระจายออกไปภายนอก เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ทีมแพทย์ ซึ่งการเก็บตัวอย่าง (Swab) จะทำผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่อง โดยแพทย์สามารถสอดมือผ่านช่องที่มีถุงมือคลุมด้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเพื่อเก็บตัวอย่าง จึงลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนจากผู้ที่เข้ารับการตรวจ พร้อมใช้แสงยูวีเข้มข้นสูงฆ่าเชื้อโรคต่างๆ (UV Germicide) หลังจากการใช้งานในห้องทุกครั้ง ทั้งนี้โครงสร้างกว่า 80% ประกอบขึ้นรูปภายในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพและความสะอาดตลอดกระบวนการผลิต และยังสามารถติดตั้งได้รวดเร็ว
ทั้งนี้โรงพยาบาล 20 แห่งทั่วประเทศที่ได้รับพระราชทานนวัตกรรม ‘ห้องตรวจหาเชื้อ’ พัฒนาโดย ‘เอสซีจี’ ได้แก่
- โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ
- โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
- โรงพยาบาลกลาง
- สถาบันโรคทรวงอก
- สถาบันบำราศนราดูร
- โรงพยาบาลตำรวจ
- โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา
- โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ
- โรงพยาบาลนครปฐม
- โรงพยาบาลราชบุรี
- โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก
- โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
- โรงพยาบาลอุตรดิตถ์
- โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์
- โรงพยาบาลนครพิงค์
- โรงพยาบาลอุดรธานี
- โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
- โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
- โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
- โรงพยาบาลหาดใหญ่
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum