บางคนอาจจะจำได้ว่าครั้งหนึ่ง ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้ประกาศทั้งน้ำตาในนัดอำลาสนามในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติไทย สัญญาว่าจะกลับมารับใช้ฟุตบอลทีมชาติไทยอีกครั้งในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งเขาก็ได้ทำตามสัญญา และกลับมาสร้างชื่อเสียงให้กับทีมชาติไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แต่ในวันนี้ ซิโก้ ในฐานะผู้ฝึกสอนได้ลั่นวาจาอีกครั้งว่าจะยื่นซองขาว หากสโมสรการท่าเรือพ่ายให้กับชลบุรี เอฟซี ในศึกฟุตบอลไทยลีก วันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากที่คุมทีมการท่าเรือไม่ชนะใครมา 6 นัดติดต่อกันก่อนลงสนาม ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามในความสามารถของอดีตกุนซือทีมชาติที่สร้างผลงานไว้ในฟุตบอลระดับอาเซียน ซึ่งเป็นสองคำสัญญาที่อยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสำหรับซิโก้
วันตัดสินอนาคตการคุมทีมของซิโก้กับการท่าเรือ เอฟซี มีฝนตกลงมาตั้งแต่ช่วงบ่าย เป็นสัญญาณก่อนความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นเหมือนในภาพยนตร์ ก่อนฝนจะหยุดลงในช่วงเย็น
สนามหญ้าแห้งลง ขณะที่นั่งในสนาม PAT Stadium เริ่มมีผู้คน ทั้งแฟนบอลท่าเรือ ชลบุรี และสื่อมวลชนที่เดินทางมาตามติดอนาคตของอดีตโค้ชทีมชาติรายนี้
กรรมการเป่านกหวีดแรก เกมดำเนินไปตลอด 90 นาที ซิโก้นำทีมได้ประตูขึ้นนำก่อน เป็นเหมือนสัญญาณแห่งความหวังในสนามแห่งนี้ แต่สุดท้ายครึ่งหลัง ชลบุรี เอฟซี ก็ทวงประตูคืนถึง 3 ลูก จนกรรมการเป่านกหวีดจบเกม ผู้สื่อข่าวในสนามเดินทางไปห้องแถลงข่าว ขณะที่แฟนบอลการท่าเรือเปิดมือถือรอชม Facebook Live จากห้องนั้น เพื่อรอฟังการตัดสินใจของกุนซือวัย 44 ปีชาวไทย
และคนที่เคยขึ้นชื่อว่าสร้างความเป็นสุภาพบุรุษลูกหนังให้กับฟุตบอลทีมชาติไทยก็ไม่กลับคำ ลั่นวาจาไว้เช่นใดก็ประกาศตามเช่นนั้น และประกาศยุติบทบาทการคุมทีม หลังจากที่พาการท่าเรือลงสนามไปทั้งหมด 10 เกม โดยได้ขอบคุณทุกแรงสนับสนุนในความท้าทายครั้งนี้
ซิโก้ผิดตามข้อกล่าวหาว่าเป็นกุนซือไร้ฝีมือหรือไม่?
ต้องยอมรับว่าซิโก้เป็นกุนซือที่มีชื่อเสียงมากพอสมควรกับผลงานที่สร้างไว้กับทีมชาติ แต่ผลงานในสโมสรก่อนการคุมทีมชาติ ซิโก้ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการคุมทีมชลบุรี เอฟซี, บีบีซียู เอฟซี หรือบางกอก เอฟซี โดยหลังคุมทีมชาติแล้วหันมาคุมการท่าเรือ เอฟซีในครั้งนี้ก็ยังไม่สามารถทำผลงานได้ดีเท่าที่ควร
การเข้ามาคุมทีมครั้งนี้ของซิโก้เป็นการรับไม้ต่อจาก เซอร์เด็จ-จเด็จ มีลาภ ที่คุมทัพมาทั้งหมด 347 วัน ทำสถิติคุมทีมการท่าเรือยาวนานที่สุดในยุคการท่าเรือของมาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ
แน่นอนว่าผลงานของสโมสรฟุตบอลย่อมเป็นความรับผิดชอบของหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็นส่วนใหญ่ หากมองจากมุมคนที่ไม่เห็นด้วยกับการให้ซิโก้คุมทีมต่อไป แต่จริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่ซิโก้กำลังประสบแทบไม่ต่างกับกุนซือระดับโลกที่ต้องผ่านมาด้วยกันทั้งหมด
“การคุมทีมครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายใหม่ของผมที่เข้ามาทำทีมโดยไม่ได้มีโอกาสได้เตรียมพร้อมช่วงพรีซีซันและช่วงตลาดซื้อขายนักเตะ” เป็นหนึ่งในประโยคที่ซิโก้ได้กล่าวในห้องแถลงข่าววันสุดท้ายในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนของการท่าเรือ
โดยที่ผ่านมา ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือ เปป กวาร์ดิโอลา กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งประสบปัญหาอย่างหนักในฤดูกาลแรก เนื่องจากชื่อเสียงที่สะสมมาตลอดชีวิตทำให้หลายคนคาดหวังว่าเขาต้องพาทีมได้แชมป์เท่านั้นจึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ แต่เปปก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้สักรายการเดียวในฤดูกาลที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับโชเซ มูรินโญ กุนซือที่ขึ้นชื่อว่าเป็นยอดฝีมือระดับโลกอีกคนหนึ่ง ก็พาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบอันดับที่ 6 ในลีก แม้จะได้นักเตะค่าตัวสถิติโลกอย่างพอล ป็อกบา มาเสริมทัพ แต่ในฤดูกาลนี้ ณ วันที่ 20 กันยายน ทั้งสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ก็ครองหัวตารางร่วมกันที่คะแนนเท่ากัน และประตูได้เสียเท่ากัน
เช่นเดียวกับซิโก้ที่มารับทีมต่อจากโค้ชคนอื่น ซึ่งอาจต้องอาศัยความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าพอสมควรในการคุมทีมที่ตัวเองไม่ได้สร้างขึ้นมา ต่างกับชุดทีมชาติไทยที่มีทรัพยากรที่ดีที่สุดในประเทศ ดังนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ยุติธรรมที่สุด หากจะให้เวลาและโอกาสซิโก้คุมทีมผ่านตลาดซื้อขายนักเตะอีกสักครั้ง เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าความสามารถของเขาอยู่ในระดับไหน แต่วันนี้ซิโก้ก็ได้ตัดสินใจแยกทางกับสโมสรอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งก็ต้องรอติดตามต่อไปว่าทางมาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสร จะเดินหน้าต่ออย่างไรกับเกมที่เหลือในฤดูกาลนี้
แฟนท่าเรือเป็นฝ่ายกดดันซิโก้?
‘หมู ท่าเรือ’ มงคล สันติกุล หนึ่งในแฟนคลับตัวยงของสโมสรการท่าเรือ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเกม ยอมรับว่าที่ผ่านมา ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เปรียบเสมือนพ่อครัวที่ต้องเข้ามาทำอาหารโดยมีวัตถุดิบจำกัด ฉะนั้นผลงานหรือรสชาติอาหารที่ออกจากครัวอาจจะไม่ถูกปากทุกคน แต่ทางแฟนบอลท่าเรือเอง ที่ผ่านมาก็ชื่นชอบพัฒนาการที่พ่อครัวคนนี้ได้มอบให้กับทีม
โดยเฉพาะวินัยการฝึกซ้อมของนักเตะ ซึ่งหมู ท่าเรือ ยอมรับว่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมาก และเชื่อมั่นว่าหากซิโก้ยังคงเป็นหัวเรือในการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างในสโมสรจะค่อยๆ ดีขึ้น
แต่กลับมามองความเป็นจริงกับสัญญาณที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทางหมู ท่าเรือ ก็ได้พูดแทนแฟนคลับว่า ซิโก้กดดันตัวเองด้วยคำมั่นสัญญา
“ซิโก้กดดันตัวเองด้วยการลั่นวาจา แฟนบอลเลยให้ความหวังกับผลการแข่งขันในวันนี้ว่า ในเมื่อโค้ชพูดแบบนี้ก็ต้องเชื่อใจ แต่ถ้าไม่พูดแบบนี้ ความคาดหวังในวันนี้มันก็ไม่มีมากขนาดนี้ ถ้าซิโก้พูดแล้วทำตามสัญญาก็โอเค แต่ถ้าในอนาคตกลับลำ ความศรัทธาที่แฟนบอลมีในตัวโค้ชอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
ส่วนสถานการณ์ต่อจากนี้ หากสามารถเลือกหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนต่อไปได้ ทางหมู ท่าเรือ อยากได้โค้ชโอ่ง-ดุสิต เฉลิมแสน กลับมาร่วมงานกับสโมสรอีกครั้งในอนาคต
ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นกุนซือที่มีชื่อติดอยู่กับวงการฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนาน ผ่านความท้าทายสำคัญมามากมาย ทั้งสำเร็จและล้มเหลว แต่ซิโก้ก็ยังเลือกที่จะเดินหน้าคุมทีมในประเทศไทย และไม่ทิ้งบ้านเกิดไปคุมทีมในเวียดนาม อีกหนึ่งชาติอาเซียนที่มีความนับถือในตัวเขามากเช่นกัน
สิ่งที่แฟนบอลสิงห์ท่าเรือและทางประธานสโมสรต้องตัดสินใจต่อจากนี้คือการลงทุน เพราะคำที่สื่อมวลชนชาวต่างประเทศได้เคยยกย่องชื่นชมทีมชาติไทยในวันที่ประสบความสำเร็จภายใต้ชื่อของซิโก้มากที่สุดคือความชื่นชมต่อฟุตบอลไทยที่ยอมลงทุนกับเวลา เวลาในที่นี้คือ เวลาที่ให้โอกาสโค้ชในประเทศได้คุมทีมในแบบของเขาเอง จนสุดท้ายพาทีมกลับขึ้นมาทวงตำแหน่งสูงสุดในวงการฟุตบอลอาเซียนได้สำเร็จ
ซึ่งการลงทุนกับเวลาเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงและมูลค่าสูง ต่อจากนี้ก็คงต้องช่วยลุ้นต่อไปว่าการท่าเรือจะได้ใครมาคุมทีม และซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จะเลือกลงทุนเวลาของเขาต่อไปที่ไหนในอนาคต
