จากนักเตะที่น่าจะมีน้อยคนที่สามารถอ่านชื่อได้อย่างถูกต้องในครั้งแรก วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ควิชา ควารัตสเคเลีย ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวจอร์เจียของทีมนาโปลี
‘ควารา’ คือชื่อที่เขาบอกให้ทุกคนจดจำแบบสั้นๆ คือปรากฏการณ์ของวงการฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลนี้ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่า เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะก่อนหน้านี้แทบไม่มีใครที่รู้จักปีกจอมเลื้อยรายนี้มาก่อนเลย
ต้นปีที่ผ่านมา ควารัตสเคเลียอยู่ในสภาวะที่ต้องหาสโมสรใหม่อยู่ เนื่องจากรูบิน คาซาน สโมสรต้นสังกัดในรัสเซียถูกแบนจากฟีฟ่า เพื่อเป็นการตอบโต้ที่รัสเซียก่อสงครามรุกรานยูเครน และทำให้นักฟุตบอลชาวต่างชาติในลีกรัสเซียเป็นอิสระ สามารถหาต้นสังกัดใหม่ได้เพื่ออนาคตของตัวเอง
ควารัตสเคเลียเลือกกลับไปในบ้านเกิดกับทีมดินาโม บาตูมี และเป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ที่แสนพิเศษ เมื่อเขาทำไป 8 ประตูกับอีก 2 แอสซิสต์ในการลงสนามแค่ 11 นัดในลีกจอร์เจีย จนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเลกที่ 2 ของการแข่งขัน
ก่อนที่นาโปลีจะคว้าตัวเขาไปร่วมทีม ซึ่งกลายเป็นการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ติดโบนัสก้อนใหญ่ของทีมจากเซเรีย อา
ที่มาที่ไปของการย้ายทีมครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะเกิดจากการที่สโมสรดังจากเมืองเนเปิลส์เสีย 2 สตาร์ที่เป็นทั้งตัวทำเกมและตัวจบสกอร์ที่แบกทีมมาหลายปีอย่าง ลอเรนโซ อินซิเญ และ ดรีส์ เมอร์เทนส์ ไปพร้อมกันในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลที่แล้ว ทำให้พวกเขาต้องการนักเตะตัวริมเส้นที่มีคุณสมบัติทดแทนทั้งสองได้
ในขณะที่ คริสเตียน เอมิล เอเจนต์ของควารัตสเคเลีย พยายาม ‘เร่ขาย’ นักเตะคนนี้ให้กับหลายสโมสรในสนนราคาต่ำอย่างมาก แต่ทีมทั้งหมดก็แค่ ‘ขอชมก่อน’ แต่ไม่ได้คิดที่จะซื้อจริงๆ เพราะยังไม่เชื่อมั่นกับนักเตะจากจอร์เจีย (หนึ่งในนั้นคือสเปอร์สที่เกือบจะได้ตัวแล้ว)
มีแค่นาโปลีที่ยื่นข้อเสนออย่างจริงจัง และได้ตัวไปที่ราคา 15 ล้านยูโรเท่านั้น
ด้วยความเป็นนักเตะโนเนมทำให้ไม่มีใครคิดว่าควารัตสเคเลีย นักเตะวัย 21 ปีจากลีกจอร์เจีย จะกลายเป็นนักเตะที่สามารถทดแทนเมอร์เทนส์หรืออินซิเญได้ อย่างน้อยนักเตะจากลีกระดับนี้ควรจะต้องผ่านบันไดขั้นแรกในลีกที่แข็งน้อยกว่าอย่างเนเธอร์แลนด์หรือเบลเยียมก่อน
และตรงนี้เองที่ทำให้เรื่องนี้สนุก เพราะควารัตสเคเลียทำให้ทุกคนอ้าปากค้างกับความมหัศจรรย์ในการเล่นของเขา
ควาราได้รับโอกาสลงเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายในระบบการเล่นแบบ 4-3-3 ของ ลูเซียโน สปัลเล็ตติ กุนซือฝีมือดีคนหนึ่งของวงการลูกหนังอิตาลี และกลายเป็นฝันร้ายของแบ็กขวาทุกคนเพราะทั้งมีความเร็วเหมือนสายฟ้าฟาด ทั้งเลี้ยงบอลได้เหมือนมีแม่เหล็กดูดไว้ที่เท้า ทั้งไหวพริบในการเล่นที่ทำให้ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย และสามารถทำได้ทุกอย่างในความหมายของคำว่าทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่านบอล การครอสบอล หรือการจบสกอร์ในทุกรูปแบบ (เท้าขวา เท้าซ้าย โหม่ง)
เซเรีย อา เหมือนถูกถล่มด้วยพายุลูกใหญ่จากจอร์เจีย และชื่อของ ‘ควารา’ ก็กลายเป็นขวัญใจของชาวเนเปิลส์ทันที เพราะมันทำให้พวกเขาคิดถึงวันดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเมื่อนานมากแล้ว
กับเรื่องราวของเทพเจ้าลูกหนังหุ่นมะขามข้อเดียวจากอาร์เจนตินา ผู้พานาโปลีครองความเป็นหนึ่งในวงการฟุตบอลอิตาลี ในยุคที่เกมลูกหนังของประเทศนี้คือที่สุดของโลก
“เวลาที่พวกเขาได้เห็นควารา พวกเขาได้เห็นมาราโดนา”
ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา ตำนานเทพเจ้าลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ พานาโปลีคว้า ‘สคูเดตโต’ หรือแชมป์เซเรีย อา ได้ในฤดูกาล 1986/87 และ 1989/90 รวมถึงการคว้าแชมป์ยุโรปครั้งเดียวของสโมสรในรายการยูฟ่าคัพ 1988/89
ชายร่างเล็กผู้ยิ่งใหญ่นำสิ่งที่อยู่เกินความฝันมามอบให้แก่ชาวเนเปิลส์ และไม่แปลกที่ชาวเมืองจะรักและเทิดทูนเขาสุดหัวใจ ในวันที่มาราโดนาจากโลกนี้ไปเมื่อ 2 ปีก่อน นาโปลีได้เปลี่ยนชื่อสนามซาน เปาโล ให้เป็นสนามดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา เพื่อเป็นการอุทิศให้แก่ ‘El Pelusa’
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนาโปลียังได้เปิดตัวรูปปั้นมาราโดนา ในท่วงท่าการเลี้ยงบอลอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนจดจำและคิดถึง โดยมีจุดเด่นที่เท้าข้างซ้ายที่ฟ้าประทานมาให้นั้นไม่ได้สวมรองเท้าสตั๊ด เป็นเท้าเปล่าที่ถูกทาด้วยสีทองให้สมกับอีกฉายา ‘El Pibe de Oro’ หรือ ‘ไอ้หนูแข้งทอง’
การที่ควารัตสเคเลียทำให้ทุกคนได้รู้สึกเหมือนวันที่ได้เห็นมาราโดนาในสนามอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่พิเศษอย่างมาก
“ชาวจอร์เจียที่อพยพมาอยู่ที่เนเปิลส์บอกว่าพวกเขาได้รับพิซซ่าก็เพราะควารา” เอโด บาดาลาชวิลี ผู้สื่อข่าวฟุตบอลชาวจอร์เจียเล่าให้ CNN ฟัง “ในเมืองของมาราโดนาแห่งนี้ ทุกคนรักควารา พวกเขาสวมเสื้อที่มีรูปควารา
“พอชาวเมืองรู้ว่าผมมาจากจอร์เจีย ทุกคนก็ต้อนรับผมอย่างดี ถ่ายรูปด้วย และร้องเพลงเชียร์ ‘ควิชา ควิชา’ ถึงแม้มันจะยากสำหรับพวกเขาที่จะออกเสียงได้อย่างถูกต้องก็ตาม ผมไม่รู้เลยว่าควาราทำแบบนี้ได้อย่างไรในระยะเวลาอันสั้นแค่นี้
“เชื่อผมเถอะ นาโปลีรักเขามากที่สุดไปแล้ว เขาเป็นนักเตะหมายเลขหนึ่งของที่นี่”
แต่รักครั้งนี้ไม่ใช่รักข้างเดียว ควารัตสเคเลียเองก็รักนาโปลีเช่นกัน บาดาลาชวิลีเล่าว่า ก่อนหน้านี้ปีกวัย 21 ปีไม่เคยมอบจุมพิตให้กับตราสโมสรทีมไหนมาก่อน แต่เขาจุมพิตตราสโมสรนาโปลี เพื่อเป็นการตอบแทนความรักที่ชาวเมืองมอบให้แก่เขา ซึ่งเป็นหนึ่งในขุมกำลังที่ทำให้ ‘ควาราโดนา’ สร้างสิ่งที่พิเศษให้เกิดขึ้นในสนาม
8 ประตู 10 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 17 นัด ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์สตาร์คนไหนก็ตาม
เวลานี้ทุกคนอยากดูควารัตสเคเลียในสนาม ไม่ใช่เฉพาะในเนเปิลส์ แต่ในบ้านเกิดของเขาที่จอร์เจียเอง ต่อให้เป็นคนที่ไม่สนใจเกมฟุตบอลมาก่อนก็อยากติดตามเชียร์ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเกมที่นาโปลีลงสนาม หรือจะเป็นทีมชาติจอร์เจีย
หากเดินตามท้องถนนในกรุงทบิลีซี ก็อาจพบคนใส่เสื้อนาโปลีหรือเสื้อทีมชาติจอร์เจียที่ปักชื่อ Kvaratskhelia ได้ไม่ยาก
แต่แน่นอนว่านี่เป็นแค่การเริ่มต้นของควาราเท่านั้น เขายังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกยาวไกลในวงการลูกหนังที่การแข่งขันเข้มข้น ดุเดือด และการดำรงอยู่ในยุคนี้อาจจะยากกว่ายุคที่ฟุตบอลเป็นการแข่งขันฟุตบอลเพียวๆ เหมือนในยุคของมาราโดนาด้วยซ้ำ
และที่สำคัญคือบางทีเวลาของควาราโดนากับนาโปลีอาจจะไม่ยืนยาวเหมือนเอล ดิเอโก
สโมสรใหญ่ทุกแห่งพร้อมเบิกเงินเพื่อวางบนโต๊ะเจรจาให้นาโปลีพิจารณาแล้ว และมันอาจเป็นโชคชะตาที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ส่วนทีมไหนจะเป็นทีมต่อไปนั้น? ขณะที่บาดาลาชวิลีอยากเห็นเขาไปอยู่กับลิเวอร์พูลมากกว่า Marca สื่อสเปนก็ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ของควารัตสเคเลียว่า
“ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผมคือการคว้าแชมเปียนส์ลีกกับเรอัล มาดริด ผมเป็นแฟนมาดริดมาตั้งแต่เด็ก”
ฟลอเรนติโน เปเรซ อาจกำลังยิ้มอยู่ในเวลานี้
อ้างอิง: