เดินทางมาถึงบทสรุปอย่างสวยงามสำหรับ คุณชาย ละครกระแสแรงจากช่อง one31 ที่ครบรสทั้งเนื้อหาและความสนุก สะท้อนให้ผู้ชมได้เห็นถึงความรักและความสัมพันธ์ในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงความรักของกลุ่ม LGBTQIA+ ท่ามกลางสังคมช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและคำดูถูก พร้อมขับเคลื่อนและเชิญชวนให้ผู้ชมทุกคนมาร่วมทำความเข้าใจและโอบกอดทุกความสัมพันธ์นี้ไปพร้อมกัน
บ่ายของวันที่ 29 พฤศจิกายน หลังตอนอวสานของละครเรื่อง คุณชาย THE STANDARD POP ถือโอกาสดีชวนสองนักแสดงนำ ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ และ แจม-รชตะ หัมพานนท์ เจ้าของบทบาท เทียน และ จิว มาพูดคุยสรุปความรู้สึก ความประทับใจ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของละครเรื่องนี้
กิจวัตรประจำวันในวันที่ต้องรอดู คุณชาย
แจม: ผมจะเข้าไปสิง twitter ก่อนอันดับแรก แล้วก็ดูละครคู่ไปอีกจอหนึ่งด้วย เราอยากตามให้ทันทั้งฝั่งที่แฟนๆ คอมเมนต์และเนื้อเรื่องในละครครับ
ฟิล์ม: เหมือนกันครับ ส่วนตัวผมจะเข้าไปเล่น Twitter ก่อนเลย ยกเว้นวันไหนมีงานก็จะเข้าไปอ่านที่แฟนๆ รีแคปกันในแฮชแท็กแทนว่าตอนนี้ละครถึงไหนแล้วนะ พอจบตอนแล้วเขารู้สึกอย่างไรกันบ้าง หลังจากนั้นก็มีบ้างที่เราจะเข้าไปฟังสเปซที่แฟนคลับเขาคุยกัน อย่างเมื่อคืนก็เข้าไปฟังจนถึงตี 2 เลยครับ
แจม: ส่วนผมเมื่อคืนก็หลับคาสเปซไปเลยครับ ไม่รู้ตัวเลยว่าแฟนๆ เขาคุยกันถึงกี่โมง
ฟิล์ม: แฟนคลับเราเขาคุยกันดึกมากๆ บางทีผมเข้าไปตี 4 ยังไม่เลิกกันเลย มีวันหนึ่งผมต้องไปงานเช้า ตื่นมาตี 4 ครึ่งเพื่ออาบน้ำเตรียมออกไปทำงาน ยังเห็นเขาคุยกันอยู่เลย
บรรยากาศในสเปซของแฟนๆ ที่ฟิล์มและแจมเข้าไปฟัง
ฟิล์ม: ส่วนใหญ่แฟนคลับจะคุยรีแคปกัน เรื่องฉากที่ชอบบ้าง หรือบางครั้งเขาก็จะพูดถึงการแสดงของพวกเรา (นักแสดงทุกคน) ในแต่ละอีพีบ้าง เขาชอบรอให้เราเข้าไปฟังหรือเข้าไปพูดในนั้น ซึ่งบางทีผมก็อยากพูดนะ แต่ชอบเข้าไปฟังตอนอาบน้ำ มันก็เลยกลายเป็นว่าขออาบก่อนนะ
แจม: แฟนๆ เขาก็ชอบโยนไมค์ให้ผมพูดเหมือนกันครับ แต่เวลาต้องเปิดไมค์พูดมันตื่นเต้น เพราะเราไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าคนที่กำลังฟังเราอยู่ด้วย แต่ถ้าขึ้นไปพร้อมกันสองคนกับพี่ฟิล์มมันโอเค เพราะอย่างน้อยเรามีเพื่อนนะ ถ้าขึ้นคนเดียวก็จะรู้สึกโหวงๆ หน่อยครับ
“สิ่งที่ชอบที่สุดระหว่างที่ละครเรื่องนี้ออนแอร์คือการได้มีส่วนร่วมไปกับคนดู”
ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ
คอมเมนต์จากแฟนละครที่สองนักแสดงประทับใจ
แจม: คอมเมนต์ที่ประทับใจมีเยอะมากในทุกอีพีเลยครับ มันหาท็อปคอมเมนต์ไม่ได้
ฟิล์ม: มันจะมีท็อปคอมเมนต์ในแต่ละอีพีมากกว่า เราไม่สามารถจะบอกทั้งเรื่องได้
แจม: อย่างอีพีล่าสุดผมชอบที่แฟนๆ หลายคนเขาบอกว่า ขอบคุณทีมงานที่ผลิตผลงานดีๆ แบบนี้ออกมาให้คนไทยได้ดู แล้วก็เป็นละครที่ควรค่าแก่การดูมาก อยากจะเชิญชวนทุกคนมาดู ผมได้เห็นคอมเมนต์แบบนี้เยอะมากๆ เลยครับ เลยรู้สึกว่าเขาได้รับเมสเสจที่เราให้ไปจริงๆ
ฟิล์ม: แจมไปทางซีเรียสแล้ว อันนี้ของผมเป็นตลกบ้าง มันเป็นซีนที่พี่แท่ง (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) อุ้มพี่ป๊อก (ป๊อก-ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์) ออกมาแล้วมีไฟ มีควัน อยู่ข้างหลัง ทีนี้ก็มีคนมาทวีตว่า ‘พี่แท่ง’ ต่อด้วยกากบาท แล้วอีกอันหนึ่งเป็น ‘พี่เท่’ ต่อด้วยเครื่องหมายถูก ประมาณว่าไม่ใช่พี่แท่งแล้ว แต่เป็นพี่เท่แทน (หัวเราะ)
สิ่งที่อยากให้ผู้ชมได้รับจากละครเรื่อง คุณชาย
ฟิล์ม: ผมรู้สึกว่าคนดูจะชอบไหมไม่รู้ แต่สิ่งที่เมสเสจของละครต้องการจะสื่อคือ ให้สังคมเปิดใจที่จะรับฟังกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้น และมองพวกเขาเหมือนกับทุกๆ คน
ผมมองมันเป็นละครครอบครัว เพราะผมอยากให้คนในครอบครัวมานั่งดูด้วยกันนะ มันจะได้แง่คิดเรื่องของความรักในหลากหลายความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ-ลูก, แม่-ลูก หรือพี่-น้อง ผมเลยรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นละครครอบครัวที่สะท้อนแง่มุมเกี่ยวกับความรักในหลากหลายความสัมพันธ์ได้ดีมากๆ แค่ว่าเรา (ตัวละครหลัก) เป็น LGBTQIA+ แค่นั้นเอง
เราสามารถจัดหมวดละครเรื่องนี้เป็นละครวายได้ไหม
ฟิล์ม: สำหรับผมผมมองว่า คุณชาย เป็นละครครอบครัวแบบสะท้อนสังคม ไม่ได้มองว่ามันเป็นละครวายหรือละคร LGBTQIA+ ใดๆ เรารู้สึกว่ามันเน้นเรื่องครอบครัวและสังคมมากกว่า
แจม: มันแล้วแต่คนจะนิยามนะ แต่ทุกๆ ครั้งเวลาที่เราให้สัมภาษณ์ ผมก็จะใช้คำว่า LGBTQIA+ เป็นหลัก คำว่าวายหรือคำว่าชายรักชายคือผมจะไม่ใช้เลย ผมจะมองแค่ว่าก็เป็นละครความรักของคนสองคน
ฟิล์ม: ผมต้องย้อนถามก่อนว่าเราแบ่งกลุ่มนี้ไปเพื่ออะไร ถ้าแบ่งประเภทอย่างดราม่า แอ็กชัน เพื่อให้คนเข้าใจง่ายขึ้นมันก็โอเค แต่ว่าถ้าแบ่งเพื่อที่จะแบ่งแยก ผมรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น ถ้าจะมานั่งแบ่งแยกเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ หรือเพื่อแยกชนชั้นผมว่ามันไม่โอเค
อะไรที่ทำให้ละครเรื่องนี้ได้รับการยอมรับในหมู่แฟนละคร แม้ว่าละครเรื่องนี้จะมีตัวละครหลักเป็นกลุ่ม LGBTQIA+
แจม: ผมว่าทุกคนเห็นนะว่า LGBTQIA+ เป็นส่วนหนึ่งจริง แต่หลักๆ คือพล็อตเรื่องที่น่าสนใจและสนุก เราอ่านเรายังชอบเลย โดยเฉพาะจุดเด่นของมันที่เป็นพีเรียดจีน ซึ่งส่วนตัวผมกับพี่ฟิล์มก็ชอบอยู่แล้ว เพราะเราเห็น เราดูมาตั้งแต่เด็ก
พอเรื่องนี้เป็นพีเรียดช่วงสงครามโลก เราก็ยิ่งอยากรู้ว่าบริบททางสังคมในตอนนั้นบวกกับความรักของทั้งสองคนที่มันเกิดขึ้น มันจะทำอย่างไรให้ความรักครั้งนี้สมหวังหรือมันจะมีบทสรุปแบบไหน ผมว่าตรงนี้มันดึงดูดให้คนเข้ามาดูได้เยอะนะ และยังมีความรักของครอบครัวของเทียนที่เข้มข้นมากเข้ามาอีก
ฟิล์ม: ผมก็รู้สึกแบบเดียวกับแจมครับ นอกจากนี้ก็อาจจะเป็นเพราะแคสติ้งนักแสดงด้วยที่เท่ๆ กันทั้งนั้นเลย มีพี่แท่ง พี่ป๊อก มีคนอื่นมากมายที่เป็นนักแสดงมากประสบการณ์ ผมเลยรู้สึกว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ดึงดูดคนดูเข้ามา บวกกับพล็อตเรื่องอีก มันเลยทำให้รู้สึกแปลกใหม่ พอมาเจอแคสติ้งนักแสดงที่เหมือนมาพ่นไฟใส่กัน มันก็เลยทวีความน่าดูขึ้นไปอีก ทำให้คนเปิดใจดูง่ายขึ้น แล้วพอเรื่องมันดี บทมันดี มันก็ดึงดูดคนดูเข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่อง พาคนดูเดินไปด้วยกันกับเรื่องครับ
แจม: อีกอย่างหนึ่งที่ผมเคยได้ยินมาใน Twitter คือส่วนหนึ่งที่คนอยากดูเพราะฝีมือของผู้กำกับ พี่หวอ (หวอ-วรวิทย์ ขัตติยโยธิน) ที่เคยทำ กาหลมหรทึก (2561) ไว้ดีมาก
ฟิล์ม: เห็นหลายคนพูดถึงพี่หวอเหมือนกัน แต่ก็จำไม่ได้ว่าใครสักคนพูดว่าพี่หวอกำกับประตูดี (หัวเราะ) เหมือนแซวๆ กันว่าเขาวางแสง วางภาพ เกี่ยวกับประตูออกมาได้ดีมาก
ซีนที่ฟิล์มและแจมชอบที่สุดในฐานะผู้ชม
ฟิล์ม: ผมชอบซีน Come Out ครับ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นซีนที่สรุปทุกอย่างของเรื่องเอาไว้ แล้วมันเป็นซีนที่หลากหลายอารมณ์
แจม: ผมอยากพูดมานานแล้วว่าซีนที่ชอบที่สุดคือซีนสุดท้ายที่หอมแก้มกัน เพราะซีนนั้นมันคือการปลดปล่อยทุกๆ อย่าง เราได้เห็นจิวเป็นคนที่โตขึ้น โดยที่มีเทียนเป็นแรงผลักดันมาเรื่อยๆ ส่วนเทียนที่ฝันไว้ว่าในอนาคตอยากมีชีวิตแบบนี้จัง อยากให้ความรักเป็นแบบนี้ อยากให้ทุกคนยอมรับอย่างเปิดเผยแบบนี้ มันก็เป็นจริงแล้ว
ผมเลยรู้สึกว่าเป็นโมเมนต์ที่บอกอะไรเยอะมากๆ พอเรามองย้อนกลับไปในอดีต คนที่เป็น LGBTQIA+ สมัยนั้นก็คงคิดแบบนี้ แต่เขาแค่พูดออกมาแบบนี้ไม่ได้ เทียนเลยเป็นตัวละครที่มาพูดเรื่องนี้แทนเขา ผมชอบซีนนี้มากๆ แต่ก่อนหน้านี้ด้วยความที่ละครยังไม่จบ เวลาให้สัมภาษณ์มันก็เลยพูดไม่ได้
มุมมองต่อ LGBTQIA+ ที่เปลี่ยนไปหลังได้เล่นละครเรื่องนี้
แจม: ถามว่ามุมมองมันเปลี่ยนไปไหม มันไม่ได้เปลี่ยนครับ เพราะผมไม่เคยมองคุณค่ามนุษย์จากเรื่องเพศ แต่เรามองจากชีวิตหรือคุณค่าของเขามากกว่า พอมาเล่นเรื่องนี้ก็ทำให้เราได้ไปศึกษามากขึ้นเกี่ยวกฎหมายและผลกระทบรอบๆ กลุ่ม LGBTQIA+ มากขึ้น ทั้งการโดนบูลลี่หรือการที่เขาไม่ได้รับสิทธิต่างๆ เหมือนกับเรา
ฟิล์ม: สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการรับบทบาทนี้คือความ Suffer ที่กลุ่ม LGBTQIA+ ตั้งแต่ในยุคนั้นจนถึงปัจจุบันต้องแบกรับไว้ว่ามันเยอะขนาดไหน ผมมีโอกาสไปออกงานหลายๆ ครั้ง มีคนที่เป็น LGBTQIA+ หลายคนเข้ามาพูดกับผมว่า นั่นคือชีวิตเขาเลย แล้วเขาก็เข้ามาเล่าว่าความรู้สึกมันเป็นอย่างไร ทำให้เราเข้าใจความ Suffer ที่คนกลุ่มนี้ต้องแบกรับไว้ มันทำให้เรายิ่งมองเห็นคุณค่าของมนุษย์ทุกคนเท่ากันมากขึ้น ใส่ใจมากขึ้น เรารู้สึกอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นกระบอกเสียงทั้งเรื่องกฎหมายและสิทธิให้กับพวกเขามากกว่าเมื่อก่อน
ละคร คุณชาย เป็นเหมือนประตูที่เปิดให้ผมได้เรียนรู้อาชีพนี้และการเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว
แจม-รชตะ หัมพานนท์
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการร่วมงานในละครเรื่องนี้
แจม: ผมได้เรียนรู้จากละครเรื่องนี้เยอะครับ ทั้งวิธีการเข้าสังคม การพัฒนาตัวเองในด้านการแสดงและวิธีคิด ทำให้เรารู้วิธีการทำงานกับคนอื่นมากขึ้น เห็นใจคนอื่นเยอะขึ้น แล้วก็รักตัวเองมากขึ้นด้วย ทุกๆ อย่างเลยครับ
ฟิล์ม: สำหรับผมได้รู้ว่าตัวเองยังมีกำแพงอีกหลายด่านที่ต้องพังทลายไป เพื่อพัฒนาตัวเองไปให้ไกลขึ้น ได้รู้ว่าตรงนี้เป็นจุดบอดของเรา แล้วทุกครั้งที่เรามีโอกาส เราจะเข้าไปคุยกับคนที่เก่งกว่าหรือคนที่สามารถช่วยเราปลดล็อกตรงนี้ เพื่อหาทางพังตรงนี้ออกไปให้ได้ ผมพยายามหาวิธีตลอด เพราะเรารู้สึกว่าอยากเติบโตขึ้น อยากไปได้ไกลกว่านี้
ฟิล์มเคยบอกว่า เทียนทำให้รู้จักการให้มากขึ้น ‘การให้’ ที่ฟิล์มหมายถึงคืออะไร
ฟิล์ม: การให้คือการคิดถึงคนอื่นครับ พอมาเล่นเป็นเทียนทำให้เรารู้สึกว่า ความสุขในชีวิตของเราไม่จำเป็นต้องมาจากการได้รับ แต่สามารถมาจากการให้ก็ได้ แล้วความสุขจากการให้มันโคตรยิ่งใหญ่เลย ทั้งๆ ที่เราให้แค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่เรารู้สึกว่ามันเติมเต็มหัวใจจังเลย ได้ให้แล้วได้เห็นคนที่รับยิ้มได้ เทียนทำให้เรามีความสุขกับการที่จะเป็นผู้ให้มากขึ้น
ในอนาคตอยากให้คนพูดถึงผลงานเรื่องคุณชายหรือตัวเราอย่างไร
แจม: ผมก็อยากให้มันเป็นจุดเริ่มต้นในการทำละครแนวนี้ออกมาอีกนะครับ อยากให้คนเห็นโลกของ LGBTQIA+ ที่มีหลากหลายมุมมากกว่านี้ เป็นมุมที่ยังไม่เคยถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของละคร ซึ่งมันมีเสน่ห์มากเลยนะ มีอีกหลายมุมเลยครับที่ผมอยากให้มี LGBTQIA+ เป็นตัวหลักของเรื่อง
ฟิล์ม: ผมอยากให้คนพูดถึงว่ามันเป็นละครที่ถ้าไม่ดูก่อนตายคุณจะเสียใจนะ นอกจากนั้นผมเคยพูดไว้ว่าอยากได้รางวัลนำชาย อาจจะไม่ใช่จากเรื่องนี้ก็ได้ แต่การได้รางวัลเหมือนเป็นการเติมเต็มจิตวิญญาณการเป็นนักแสดงของผม
จาก ‘ฟิล์ม’ ถึง ‘เทียน’
ฟิล์ม: ขอบคุณที่เทียนเข้ามาเปิดโลกให้ผม เขาทำให้ผมรู้จักความสุขจากการให้ว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน มันเติมเต็มหัวใจคนให้ได้ขนาดไหน เติมเต็มหัวใจเราได้ขนาดไหน ขอบคุณเทียนที่ดีกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกขนาดนี้ครับ ถ้าอวยพรได้ก็ขอให้เทียนกับจิวรักกันแบบนี้ไปนานๆ ถ้ามีปัญหาก็ให้เปิดใจคุยกัน ขอให้ประคับประคองความรักที่เขามีไปจนกว่าใครสักคนจะตายจากกันไป
จาก ‘แจม’ ถึง ‘จิว’
แจม: ก่อนอื่นเลยต้องขอบคุณที่ทำให้ผมได้รู้จักคุณ ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากคุณ ได้รู้ว่าคนเราเปลี่ยนได้ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมดีๆ ผมรักในตัวเขามากๆ พอในช่วงหลังที่เราเห็นเขาแฮปปี้ก็รู้สึกว่าขอให้จิวมีความสุขแบบนี้ไปเรื่อยๆ กับเทียน ขอให้รักกันให้ยาวนาน พากันไปข้ามเขาเหลียงซาน ปั้นน้ำตาลให้กันกินบ่อยๆ นะ (หัวเราะ)