ทีมชาติอังกฤษ เป็นหนึ่งในทีมชาติที่ถูกคาดหวังมหาศาลจากสื่อมวลชนและแฟนบอล เมื่อมาถึงทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลกหรือยูโร
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่พวกเขามีลีกฟุตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีก หรือในบางครั้งก็เป็นสื่อมวลชนที่วิเคราะห์ถึงเส้นทางที่สร้างความคาดหวังจนกลายเป็นแรงกดดัน ส่งต่อมายังใครก็ตามที่สวมเสื้อทรีไลออนส์ลงสนาม
ซึ่งนี่คือโจทย์ใหญ่ที่ แกเร็ธ เซาท์เกต เจอในการเข้ามารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติอังกฤษเมื่อปี 2016 เมื่อเขามองเห็นว่านักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษหลายคนมีทั้งความขัดแย้งจากการเล่นให้กับสโมสรที่เป็นคู่ปรับกัน ไปจนถึงบรรยากาศแคมป์ทีมชาติที่ผ่านมามีเสียงวิจารณ์จากนักเตะว่า พวกเขาไม่เคยอยากไปร่วมแคมป์ทีมชาติอังกฤษเลย
เซาท์เกตเริ่มต้นรับฟังจากอดีตเพื่อนร่วมทีมว่า ทำไมนักฟุตบอลชาติอื่นถึงอยากไปร่วมแคมป์ทีมชาติ และทำไมถึงมีบรรยากาศในแคมป์ที่ดีกว่าทีมชาติอังกฤษ หลังจากนั้นจึงเริ่มต้นแผนการเตรียมทีมไปฟุตบอลโลก 2018
อย่างแรกที่เขาทำคือเรียนรู้จากกีฬารักบี้ด้วยการส่งนักเตะทีมชาติอังกฤษไปเข้าแคมป์ทหารเมื่อปี 2017 และเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงกฎกติกาต่างๆ ภายในแคมป์ จนเมื่อถึงเวลาที่ต้องบินไปรัสเซีย บรรยากาศของทีมชาติอังกฤษก็เปลี่ยนแปลงไปมาก
หลายคนอาจจะจำได้ถึงภาพของแคมป์ทีมชาติอังกฤษที่มีนักฟุตบอลอย่าง แฮร์รี แม็คไกวร์ นั่งอยู่บนห่วงยางยูนิคอร์นพร้อมกับรอยยิ้มร่วมกับทีมในแคมป์ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของบรรยากาศที่ดีในตอนนั้น
นอกจากนี้ เซาท์เกตยังให้ทีมทำแบบสำรวจความเป็นอยู่ เพื่อให้นักเตะสามารถเปิดอกพูดถึงสิ่งที่อยากให้ปรับเปลี่ยน
แต่กลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดคือ เปิดประตูให้สื่ออังกฤษเข้ามาสู่แคมป์ทีมชาติ มาแข่งปาลูกดอกกับนักเตะทีมชาติอังกฤษและร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อละลายพฤติกรรมระหว่างทั้งสองฝ่าย
“เป็นเรื่องที่เบสิกมากและพูดถึงกันเยอะมาก โดยเฉพาะการแข่งปาลูกดอกกับสื่อ มันส่งผลกระทบอย่างมาก” มิเกล เดลานีย์ หัวหน้านักเขียนเรื่องฟุตบอลที่ The Independent กล่าวถึงผลกระทบที่เซาท์เกตสร้างในปีนั้น
“เมื่อคุณทำให้สถานการณ์มันสนุก และทลายกำแพงที่กั้นระหว่างนักเตะกับสื่อ ทำให้สื่อรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับนักฟุตบอลในระดับจิตใต้สำนึก ก็จะทำให้สื่อคิดก่อนเลยว่าพวกเขาจะไม่จัดหนักจัดเต็มในการวิจารณ์ทีมอย่างรุนแรงที่สุดเมื่อมีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น เขาทำให้บรรยากาศในแคมป์ทีมชาติดีขึ้นมากเลยทีเดียว”
นอกจากบรรยากาศที่ดีแล้ว ผลงานของทีมชาติอังกฤษก็ดีขึ้นตามมา เมื่อพวกเขาผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ และจบอันดับที่ 4 ในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1990 ที่อิตาลี
แกเร็ธ เซาท์เกต อาจจะไม่ได้รับการยกย่องจากโลกฟุตบอลว่าเป็นกุนซือที่เชี่ยวชาญด้านแท็กติก หรือเป็นตัวอย่างของความเป็นผู้นำคนแรกๆ ที่ทุกคนจะนึกถึง
แต่เมื่อมาถึงการบริหารจัดการแคมป์ทีมชาติอังกฤษ เชื่อว่าไม่มีนักฟุตบอลหรือสื่ออังกฤษในฟุตบอลโลกปี 2018 ปฏิเสธได้ว่า เขาได้สร้างผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งให้กับบรรยากาศภายในแคมป์ทีมชาติอังกฤษ