โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน พูดคุยแบบเห็นหน้าครั้งแรกผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หลังไบเดนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ขณะที่การประชุมครั้งล่าสุดของทั้งสองเป็นการหารือทางโทรศัพท์ในเดือนกันยายน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศมีเพิ่มขึ้นจากประเด็นไต้หวัน, การค้า และสิทธิมนุษยชน ขณะที่การประชุมครั้งนี้ครอบคลุมหัวข้อการค้าไปจนถึงไต้หวัน ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับจีน
นักวิเคราะห์มองว่า แม้การประชุมรอบนี้จะไม่เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมนัก แต่ก็ช่วยลดอุณหภูมิความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในช่วงหลังลงบ้าง โดย เวลเลียน วิรันโต นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร OCBC ในสิงคโปร์ มองในแง่บวกว่า “อย่างน้อยพวกเขาก็กำลังคุยกัน” ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุว่า การประชุมรอบนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิผล และที่สำคัญคือช่วย “เพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกัน”
และนี่คือบทสรุปส่วนหนึ่งของที่ประชุมทวิภาคีที่ทั่วโลกจับตา
ไบเดน-สีจิ้นผิงคุยอะไรกันบ้าง
การประชุมกินเวลา 3 ชั่วโมง เริ่มต้นด้วยสองผู้นำทักทายอย่างเป็นกันเอง ซึ่งสีจิ้นผิงบอกว่า เขาดีใจที่ได้เจอ ‘เพื่อนเก่า’
ส่วนไบเดนบอกว่า ตัวเขาและสีจิ้นผิงสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมาเสมอ และไม่เคยเดินจากไปโดยที่สงสัยอีกฝ่ายว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ขณะที่สีจิ้นผิงระบุว่า จีนและสหรัฐฯ จำเป็นต้องยกระดับ ‘การสื่อสาร’ และเผชิญความท้าทายร่วมกัน
นอกจากนี้ผู้นำจีนยังย้ำว่า ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศเป็นสิ่งจำเป็นในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ เช่น ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการระบาดของโควิด-19
สีบอกว่า “มนุษยชาติอาศัยอยู่ในหมู่บ้านโลก และเราเผชิญความท้าทายหลายอย่างร่วมกัน จีนและสหรัฐฯ จำเป็นต้องเพิ่มการสื่อสารและความร่วมมือกัน
“ผมพร้อมที่จะทำงานกับคุณ ท่านประธานาธิบดี เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไปข้างหน้าในทิศทางบวก” สีกล่าวเสริม
สำหรับหัวข้อหลักที่สองฝ่ายคุยกันนั้น สำนักข่าว Reuters ระบุว่า ครอบคลุมทั้งประเด็นเกาหลีเหนือ, อัฟกานิสถาน, อิหร่าน, ตลาดพลังงานโลก, การค้าและการแข่งขัน, สภาพภูมิอากาศ, การทหาร, โรคระบาด และประเด็นอื่นๆ ที่สองฝ่ายมักเห็นไม่ลงรอยกัน โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ประเด็นไต้หวันและการค้า
– การค้าและการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
“สำหรับผมดูเหมือนว่าความรับผิดชอบของเราในฐานะผู้นำจีนและสหรัฐฯ คือต้องทำให้แน่ใจว่า การแข่งขันระหว่างสองประเทศจะไม่หันเหไปสู่ความขัดแย้ง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ง่ายๆ ก็คือต้องแข่งขันกันอย่างตรงไปตรงมา” ไบเดนกล่าวในช่วงที่เปิดให้นักข่าวเข้ามาร่วมฟังช่วงสั้นๆ
ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งเผยว่า ผู้นำทั้งสองมีการดีเบตที่ดี โดยไบเดนเน้นย้ำความสำคัญที่จีนจะปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ในข้อตกลงการค้าฉบับที่เจรจากับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าไบเดน
ที่ผ่านมาจีนยังทำไม่ถึงเป้าในการซื้อสินค้าและบริการของสหรัฐฯ มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม สีจิ้นผิงบอกไบเดนว่า ไม่ควรทำให้ประเด็นนี้เป็นเรื่องการเมือง
นอกจากนี้สองผู้นำยังหารือกันถึงการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาซัพพลายพลังงานโลก ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยว่า สีตกลงที่จะ “อัปเกรดช่องทางด่วนสำหรับเจ้าหน้าที่ธุรกิจของสหรัฐฯ ในการมาจีน
– ประเด็นไต้หวัน และการล้ำเส้นสีแดง
ถึงแม้ไบเดนตอกย้ำจุดยืนรัฐบาลในการสนับสนุนนโยบาย ‘จีนเดียว’ ที่ยึดถือมานาน ภายใต้การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับปักกิ่งอย่างเป็นทางการ แต่ทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดนก็ยังคัดค้านอย่างแข็งขันต่อความพยายามเพียงฝ่ายเดียวของจีนในการเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่ หรือทำลายสันติภาพและเสถียรภาพบริเวณช่องแคบไต้หวัน
ขณะที่สำนักข่าว Xinhua ของทางการจีนรายงานว่า สีกล่าวในระหว่างการประชุมว่า คนในไต้หวันที่พยายามแยกตัวเป็นเอกราช รวมทั้งผู้สนับสนุนในสหรัฐฯ ต่างกำลังเล่นกับไฟ
“จีนอดทนและแสวงหากระบวนการรวมชาติอย่างสันติด้วยความจริงใจและความพยายามอย่างยิ่งยวด แต่หากผู้แบ่งแยกดินแดนในไต้หวันยั่วยุ หรือข้ามเส้นสีแดง เราก็ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด”
สีจิ้นผิงยังคัดค้านความพยายามของวอชิงตันในการเพิ่มพื้นที่ไต้หวันในเวทีระหว่างประเทศ โดยจีนอ้างว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และอาจใช้กำลังเข้าควบคุมหากจำเป็น
นอกจากประเด็นไต้หวันแล้ว ไบเดนยังพูดถึงประเด็นทิเบต ฮ่องกง และซินเจียง ซึ่งที่ผ่านมาจีนมองเป็นเรื่องกิจการในประเทศ ขณะที่นโยบายต่อเขตปกครองตนเองเหล่านี้มักถูกจับตา และวิจารณ์จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนตะวันตก
ภาพ: Alex Wong / Getty Images
อ้างอิง: