รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบล่าสุดต่อรัสเซียเมื่อวานนี้ (6 เมษายน) ซึ่งเป็นที่จับตามองจากหลายฝ่าย เนื่องจากรวมเอา 2 เป้าหมายใหม่ คือ คาเทรินา ทิโคโนวา และมาเรีย โวรอนโซวา บุตรสาวทั้ง 2 คนของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไว้ในรายชื่อบุคคลใกล้ชิดที่ ‘เชื่อว่า’ มีส่วนในการช่วยปกปิดทรัพย์สินและความมั่งคั่งของบิดา
ทำไมสหรัฐฯ จึงเชื่อเช่นนั้น? และมีปัจจัยอื่นอีกหรือไม่ที่ทำให้บุตรสาวของปูตินตกเป็นเป้าของมาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้การทำสงครามในยูเครน
ชนชั้นนำรุ่นใหม่และความใกล้ชิดรัฐบาลเครมลิน
- จากข้อมูลในมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมา ระบุว่า คาเทรินา วลาดิมีรอฟนา ทิโคโนวา (Katerina Vladimirovna Tikhonova) บุตรสาวคนที่ 2 ของปูติน วัย 35 ปี ดำรงตำแหน่งผู้บริหารบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ทำงานสนับสนุนให้แก่รัฐบาลรัสเซียและอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของรัสเซีย
- ขณะที่มาเรีย วลาดิมีรอฟนา โวรอนโซวา (Maria Vladimirovna Vorontsova) บุตรสาวคนโตวัย 36 ปี เป็นแพทย์ด้านกุมารวิทยาต่อมไร้ท่อ และผู้นำโครงการวิจัยด้านพันธุกรรมที่ได้รับทุนสนับสนุนหลายพันล้านดอลลาร์จากรัฐบาลเครมลิน โดยปูตินนั้นเป็นผู้ดูแลโครงการวิจัยนี้ด้วยตนเอง
- ที่ผ่านมาทั้งมาเรียและคาเทรินาต่างไม่เคยประกาศยืนยันต่อสาธารณะว่าผู้นำรัสเซียนั้นเป็นบิดาของพวกเขา ขณะที่ปูตินเองก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับลูกๆ ของเขาเช่นกัน
- แต่จากการสืบสวนของสำนักข่าว Reuters ในปี 2015 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอิทธิพลและเส้นสายของคาเทรินา ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 29 ปี ว่าทำให้เธอถือครองความเป็นชนชั้นนำรุ่นใหม่ของมอสโก
- ในปี 2013 คาเทรินาได้แต่งงานกับคิริลล์ ชามาลอฟ บุตรชายของนิโคไล ชามาลอฟ ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าแก่ของปูติน และเป็นเจ้าของร่วมของธนาคาร Rossiya อันเป็นธนาคารส่วนบุคคลสำหรับชนชั้นสูงในรัสเซีย ขณะที่ทั้งคู่ได้หย่าขาดจากกันในปี 2018
- ช่วงไม่ถึง 2 ปีหลังจากแต่งงาน ชื่อของคิริลล์ปรากฏในนิตยสาร Forbes ในฐานะหนึ่งในมหาเศรษฐีพันล้านที่อายุน้อยที่สุดของรัสเซีย หลังจากที่เขาได้รับหุ้น 17% ในบริษัทปิโตรเคมี Sibur จากเกนนาดี ทิมเชนโก พันธมิตรอีกคนของปูติน
- จากการประเมินของนักวิเคราะห์ด้านการเงินในปี 2015 พบว่าคิริลล์และคาเทรินาถือครองหุ้นในบริษัทคิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 2 พันล้านดอลลาร์
- คาเทรินานั้นเคยเป็นนักเต้นกายกรรมร็อกแอนด์โรล ซึ่งจริงจังถึงขนาดได้ที่ 5 ในการแข่งชิงแชมป์โลกที่สวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี 2013 และยังเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทหน้าที่หลายอย่างในมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโก (Moscow State University)
- บทบาทสำคัญอย่างหนึ่งของเธอคือการได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารบริษัท Innopraktika ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) แห่งมหาวิทยาลัยมอสโก ที่มีมูลค่ากว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ โดยปูตินเคยบรรยายความสำคัญของบริษัท Innopraktika ว่าเป็น “หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาเทคโนโลยี AI” ของรัสเซีย
- ซึ่งที่ปรึกษาของคาเทรินาในมหาวิทยาลัยมอสโกนั้นยังมีหลายคนที่เป็นคนใกล้ชิดของปูติน รวมถึงอดีตเจ้าหน้าที่ KGB 2 คน
- ส่วนมาเรีย ประวัติคร่าวๆ พบว่าจบการศึกษาด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโก
- ในปี 2013 มาเรียได้แต่งงานกับ โยร์ริท ฟาสเซน นักธุรกิจชาวเนเธอร์แลนด์ที่เกิดในรัสเซีย และเคยทำงานให้กับ Gazprom บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย
- หลังแต่งงานทั้งสองได้อาศัยอยู่ที่เพนต์เฮาส์หรูในกรุงอัมสเตอร์ดัม ก่อนที่จะเผชิญกระแสเรียกร้องจากชาวเนเธอร์แลนด์ให้ขับไล่มาเรียออกจากประเทศ เพื่อตอบโต้กรณีเหตุการณ์เที่ยวบิน MH17 ถูกยิงตกโดยฝีมือกลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซียในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน ในปี 2014
- จากนั้นในปี 2015 มาเรียและสามีตัดสินใจย้ายกลับไปใช้ชีวิตที่มอสโก ซึ่งมาเรียได้ทำงานด้านการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญระบบต่อมไร้ท่อที่สถาบันวิจัยในมอสโก
- จากการสืบสวนของ Reuters พบว่ามาเรียมีส่วนร่วมอย่างมากในโครงการวิจัยด้านพันธุกรรมของรัฐบาล ซึ่งปูตินเคยอธิบายไว้ว่าเป็นสาขางานวิจัยที่จะ “กำหนดอนาคตของคนทั้งโลก”
- สำหรับทรัพย์สินของมาเรียนั้นไม่ปรากฏรายงานหรือการประเมินใดๆ โดยสถานะแต่งงานของเธอ ณ ปัจจุบัน มีรายงานว่าแยกทางกับสามีแล้วตั้งแต่ก่อนที่รัสเซียจะเปิดฉากบุกยูเครน
ผู้นำเครมลินซุกทรัพย์สินไว้กับครอบครัว
- หนึ่งในเจ้าหน้าที่อาวุโสของวอชิงตันเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุการคว่ำบาตรที่ครอบคลุม 2 บุตรสาวของปูติน ว่าสหรัฐฯ มีความเชื่อว่าปูตินและผู้นำในเครมลิน รวมถึงเหล่า ‘โอลิการ์ช (Oligarch)’ หรือบรรดามหาเศรษฐีและชนชั้นนำที่สนิทสนมกับผู้นำรัสเซีย ต่างซุกซ่อนทรัพย์สินและความมั่งคั่งของตนเองไว้กับสมาชิกครอบครัว ซึ่งเก็บทรัพย์สินไว้ในระบบการเงินของสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลก
- ในกรณีของปูตินนั้น เชื่อว่าเขานำทรัพย์สินจำนวนมากไปซ่อนไว้กับสมาชิกครอบครัว โดยเฉพาะกับบุตรสาวทั้ง 2 คน
- ขอบเขตความมั่งคั่งของปูตินนั้นเป็นประเด็นละเอียดอ่อนในรัสเซีย โดยเมื่อปีที่แล้วรัฐบาลเครมลินออกมาปฏิเสธข่าวที่ อเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวหาปูตินว่าเป็นเจ้าของพระราชวังหรูหราติดทะเลดำ
- ขณะที่รัฐบาลเครมลินยืนยันว่าการคว่ำบาตรโดยตรงต่อปูตินนั้นเป็นสิ่งที่ ‘ไร้ประโยชน์’ ซึ่งดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลเครมลิน กล่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า ปูตินนั้น ‘ไม่แยแส’ ต่อการคว่ำบาตรที่กล่าวอ้างอย่างไร้สาระถึงทรัพย์สินบางอย่างของเขา “ท่านประธานาธิบดีไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่เขาได้ประกาศไว้” เปสคอฟยืนยัน
- แต่นักการเมืองสหรัฐฯ นั้นเชื่อในสิ่งที่ต่างออกไป โดย เชลดอน ไวต์เฮาส์ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ กล่าวเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนว่า “ปูตินและเหล่าโอลิการ์ชของเขาเก็บเงินสกปรกไว้ในหลายประเทศตามกฎหมาย ด้วยการซื้อคฤหาสน์ เรือยอชต์ขนาดใหญ่ งานศิลปะ และทรัพย์สินมูลค่าสูงอื่นๆ” ขณะที่เขายังเสนอให้ออกกฎหมาย เพื่อตั้งรางวัลสำหรับผู้ให้ข้อมูลที่นำไปสู่การยึดทรัพย์สินของเหล่าโอลิการ์ชรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร
- ด้าน เลโอนิด วอลคอฟ หัวหน้าเจ้าหน้าที่หาเสียงและคนใกล้ชิดของอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียที่ถูกจำคุกในข้อหาฉ้อโกง ยินดีต่อข่าวการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ที่พุ่งเป้าไปยังปูตินและครอบครัว โดยมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลงโทษปูตินจากความผิดในการก่อสงครามยูเครน
- ซึ่งนอกจากบุตรสาวทั้ง 2 คน กลุ่มผู้สนับสนุนนาวาลนียังเรียกร้องให้ชาติตะวันตกขยายการคว่ำบาตรไปยังคนรอบตัวปูติน เช่น อาลีนา คาบาเอวา อดีตนักยิมนาสติก ที่เชื่อว่าเป็นภรรยาคนที่ 2 ของปูติน ซึ่งมีบุตรด้วยกัน 2 คน โดยคาบาเอวายังเป็นประธานบริษัท National Media Group กลุ่มบริษัทสื่อที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียด้วย
ภาพ: Katerina Tikhonova / REUTERS / Jakub Dabrowski / File Photo
อ้างอิง: