เมืองเซบียา ทางตอนใต้ของประเทศสเปนถูกตีแตกพ่ายด้วยกองทัพจำนวนกว่า 150,000 คน
คำบรรยายข้างต้นมิได้บอกเล่าเรื่องราวของสงครามการทำศึกแต่อย่างใด แต่เป็นบรรยากาศของเกมนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลยูฟ่ายูโรปาลีก ประจำฤดูกาล 2021/22 ซึ่งในปีนี้สนามรามอน ซานเชซ ปิซฆวน ในเมืองเซบียา ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขัน
ทั้งนี้ แม้ว่าสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเซบียา จะจุผู้ชมได้มากถึง 4.3 หมื่นคน แต่นั่นเป็นเพียงแค่ไม่ถึง 1 ใน 3 ของแฟนฟุตบอล 2 สโมสรที่ผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศที่ต้องการจะร่วมเป็นสักขีพยานวันประวัติศาสตร์ของสโมสร
ตามรายงานข่าวระบุว่ามีแฟนบอลกลาสโกว์ เรนเจอร์ส แชมป์ลีกสกอตแลนด์เมื่อฤดูกาลที่แล้วเดินทางจากไฮแลนด์มาถึงแดนใต้ของสเปนจำนวนกว่า 1 แสนคน และอีก 5 หมื่นคนคือกองเชียร์ของไอน์ทรัคท์ แฟรงก์เฟิร์ต อดีตทีมยิ่งใหญ่ของบุนเดสลีกาที่เดินทางมาในวันนี้
โดยทั้งสองทีมต่างหมายมั่นปั้นมือว่าพวกเขาจะต้องคว้าชัยชนะและนำถ้วยแชมป์กลับไปร่วมฉลองกับแฟนๆ ในบ้านเกิดให้ได้
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเกมนัดชิงชนะเลิศคู่นี้คือถึงแม้ทั้งสองทีมจะไม่ได้เป็นทีมระดับบิ๊กเนมที่มีฐานแฟนฟุตบอลมากมายมหาศาลทั่วโลก แต่สำหรับแฟนบอลตัวจริงของทั้งเรนเจอร์สและแฟรงก์เฟิร์ตแล้วโอกาสครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตของพวกเขา
โดยมีเกร็ดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกมนัดนี้ดังนี้
- เรนเจอร์สอาจจะเคยเป็นสโมสรดังที่ยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ในวงการฟุตบอลยุโรปแล้วเกียรติประวัติของพวกเขามีไม่มากนัก เพราะครั้งเดียวที่เดอะ ไลท์บลูส์ได้ชูถ้วยแชมป์ยุโรปต้องย้อนกลับไปในปี 1972 เมื่อเอาชนะดินาโม มอสโก 3-2 ที่สนามคัมป์นูในเมืองบาร์เซโลนา คว้าแชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ – รายการแข่งขันในอดีตที่จะให้สิทธิ์แชมป์ฟุตบอลถ้วยของแต่ละลีกมาลงแข่งขันกันเอง
- ขณะที่ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลสโมสรยุโรปเกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้ว แต่แพ้เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในเกมที่แมนเชสเตอร์ เมื่อปี 2008 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ใช้ชื่อการแข่งขันว่ายูฟ่าคัพ ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นยูฟ่ายูโรปาลีก
- สำหรับแฟรงก์เฟิร์ต พวกเขาก็ห่างหายจากความสำเร็จในเวทียุโรปมานานเช่นกัน โดยเคยเข้าชิงชนะเลิศยูโรเปียนคัพ (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปัจจุบัน) เมื่อปี 1960 แต่พ่ายแพ้ต่อเรอัล มาดริดอย่างย่อยยับ ก่อนที่อีก 20 ปีต่อมาจะเอาชนะโบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ได้ในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพ ที่ต้องลงแข่ง 2 นัดได้สำเร็จ
- เส้นทางของเรนเจอร์สในรายการนี้น่าสนใจไม่น้อย โดยหลังจากจำเป็นต้องเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึกเพราะ สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ลีกสกอตแลนด์ครั้งแรกในรอบ 10 ปีตัดสินใจอำลาทีมเพื่อไปรับงานคุมทีมแอสตัน วิลลาในพรีเมียร์ลีก กุนซือที่มาทำงานแทนอย่าง โจวานนี ฟาน บรองก์ฮอร์สต์ อดีตดาวดังในไอบรอกซ์ ปาร์ก ก็สามารถพาทีมผ่านทั้งโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, เรดสตาร์ เบลเกรด, บรากา และแอร์เบ ไลป์ซิกจนเข้าชิงได้
- แต่แฟรงก์เฟิร์ตอาจจะดูโหดยิ่งกว่าเมื่อพวกเขาเขี่ยทั้งเรอัล เบติส, บาร์เซโลนา และเวสต์แฮม ยูไนเต็ดตกรอบ และเข้าชิงได้โดยไม่แพ้ใครเลยตลอดรายการ (ชนะ 7 เสมอ 5) ขณะที่เรนเจอร์สแพ้ถึง 5 นัด (ชนะ 6 เสมอ 3)
- สไตล์การเล่นของเรนเจอร์สใต้ยุคฟานบรองก์ฮอร์สต์ มีการเปลี่ยนแปลงจากยุคของเจอร์ราร์ดให้ยืดหยุ่นมากขึ้นในระบบ 4-2-3-1 ไม่ได้เน้นลุยหนักอย่างเดียว ขณะที่แฟรงก์เฟิร์ตใต้การคุมทีมของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือชาวออสเตรียที่คุมทีมเป็นฤดูกาลแรกถนัดการตั้งรับและสวนกลับอย่างรวดเร็ว (และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเก็บทีมใหญ่กว่าได้)
- ที่น่าสนใจดาวเด่นของทั้งสองทีมเป็นผู้เล่นริมเส้น โดยเรนเจอร์สคือ เจมส์ ทาเวอร์เนียร์ แบ็กขวากัปตันทีมที่ฟอร์มร้อนแรงอย่างมากในปีนี้ และทำไปแล้ว 7 ประตูด้วยกัน ขณะที่ฟากของแฟรงก์เฟิร์ตคือ ฟิลิป คอสติช ตัวลุยฝั่งซ้ายที่ทำไปแล้ว 14 แอสซิสต์ตลอดฤดูกาล และในรายการยูโรปาลีกก็ทำไปแล้ว 5 แอสซิสต์ เรียกได้ว่าจะได้เห็นการดวลเดือดกันทางฝั่งนี้แน่นอน
- เกมนัดชิงชนะเลิศยูโรปาลีกจะมีขึ้นในคืนนี้เวลา 02.00 น. ถ่ายทอดสดทาง beIN SPORTS ซึ่งแม้ความสนใจจะน้อยกว่านัดชิงหลายปีที่ผ่านมา แต่รับประกันได้ว่าเป็นเกมที่น่าจะสนุกและไม่ควรพลาดอย่างแท้จริง
อ้างอิง:
- https://www.uefa.com/news/0272-1486886cbecc-29a90353e67a-1000–final-frankfurt-vs-rangers/
- https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/eintracht-frankfurt-rangers-live-europa-league-final-team-news-stats-borre-19971
- https://www.uefa.com/uefaeuropaleague/news/0265-1162e4333bc7-ad9c3d36a986-1000–eintracht-vs-rangers-lowdown-on-the-2022-europa-league-final/
- https://www.dubaiweek.ae/facts-about-the-europa-league-final-between-frankfurt-and-rangers/