×

‘ยูโรปาลีก ไฟนัล 2022’ นัดชิงนอกสายตาแต่มีความหมายของ ‘แฟรงก์เฟิร์ต vs. เรนเจอร์ส’

18.05.2022
  • LOADING...
UEFA Europa League

เมืองเซบียา ทางตอนใต้ของประเทศสเปนถูกตีแตกพ่ายด้วยกองทัพจำนวนกว่า 150,000 คน

 

คำบรรยายข้างต้นมิได้บอกเล่าเรื่องราวของสงครามการทำศึกแต่อย่างใด แต่เป็นบรรยากาศของเกมนัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลยูฟ่ายูโรปาลีก ประจำฤดูกาล 2021/22 ซึ่งในปีนี้สนามรามอน ซานเชซ ปิซฆวน ในเมืองเซบียา ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขัน

 

ทั้งนี้ แม้ว่าสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเซบียา จะจุผู้ชมได้มากถึง 4.3 หมื่นคน แต่นั่นเป็นเพียงแค่ไม่ถึง 1 ใน 3 ของแฟนฟุตบอล 2 สโมสรที่ผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศที่ต้องการจะร่วมเป็นสักขีพยานวันประวัติศาสตร์ของสโมสร

 

ตามรายงานข่าวระบุว่ามีแฟนบอลกลาสโกว์ เรนเจอร์ส แชมป์ลีกสกอตแลนด์เมื่อฤดูกาลที่แล้วเดินทางจากไฮแลนด์มาถึงแดนใต้ของสเปนจำนวนกว่า 1 แสนคน และอีก 5 หมื่นคนคือกองเชียร์ของไอน์ทรัคท์ แฟรงก์เฟิร์ต อดีตทีมยิ่งใหญ่ของบุนเดสลีกาที่เดินทางมาในวันนี้

 

โดยทั้งสองทีมต่างหมายมั่นปั้นมือว่าพวกเขาจะต้องคว้าชัยชนะและนำถ้วยแชมป์กลับไปร่วมฉลองกับแฟนๆ ในบ้านเกิดให้ได้

 

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเกมนัดชิงชนะเลิศคู่นี้คือถึงแม้ทั้งสองทีมจะไม่ได้เป็นทีมระดับบิ๊กเนมที่มีฐานแฟนฟุตบอลมากมายมหาศาลทั่วโลก แต่สำหรับแฟนบอลตัวจริงของทั้งเรนเจอร์สและแฟรงก์เฟิร์ตแล้วโอกาสครั้งนี้อาจจะเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตของพวกเขา

 

โดยมีเกร็ดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกมนัดนี้ดังนี้

 

  • เรนเจอร์สอาจจะเคยเป็นสโมสรดังที่ยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ในวงการฟุตบอลยุโรปแล้วเกียรติประวัติของพวกเขามีไม่มากนัก เพราะครั้งเดียวที่เดอะ ไลท์บลูส์ได้ชูถ้วยแชมป์ยุโรปต้องย้อนกลับไปในปี 1972 เมื่อเอาชนะดินาโม มอสโก 3-2 ที่สนามคัมป์นูในเมืองบาร์เซโลนา คว้าแชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ – รายการแข่งขันในอดีตที่จะให้สิทธิ์แชมป์ฟุตบอลถ้วยของแต่ละลีกมาลงแข่งขันกันเอง

 

  • ขณะที่ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลสโมสรยุโรปเกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้ว แต่แพ้เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ในเกมที่แมนเชสเตอร์ เมื่อปี 2008 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ใช้ชื่อการแข่งขันว่ายูฟ่าคัพ ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นยูฟ่ายูโรปาลีก

 

  • สำหรับแฟรงก์เฟิร์ต พวกเขาก็ห่างหายจากความสำเร็จในเวทียุโรปมานานเช่นกัน โดยเคยเข้าชิงชนะเลิศยูโรเปียนคัพ (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปัจจุบัน) เมื่อปี 1960 แต่พ่ายแพ้ต่อเรอัล มาดริดอย่างย่อยยับ ก่อนที่อีก 20 ปีต่อมาจะเอาชนะโบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค ได้ในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าคัพ ที่ต้องลงแข่ง 2 นัดได้สำเร็จ

 

  • เส้นทางของเรนเจอร์สในรายการนี้น่าสนใจไม่น้อย โดยหลังจากจำเป็นต้องเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึกเพราะ สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ลีกสกอตแลนด์ครั้งแรกในรอบ 10 ปีตัดสินใจอำลาทีมเพื่อไปรับงานคุมทีมแอสตัน วิลลาในพรีเมียร์ลีก กุนซือที่มาทำงานแทนอย่าง โจวานนี ฟาน บรองก์ฮอร์สต์ อดีตดาวดังในไอบรอกซ์ ปาร์ก ก็สามารถพาทีมผ่านทั้งโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, เรดสตาร์ เบลเกรด, บรากา และแอร์เบ ไลป์ซิกจนเข้าชิงได้

 

  • แต่แฟรงก์เฟิร์ตอาจจะดูโหดยิ่งกว่าเมื่อพวกเขาเขี่ยทั้งเรอัล เบติส, บาร์เซโลนา และเวสต์แฮม ยูไนเต็ดตกรอบ และเข้าชิงได้โดยไม่แพ้ใครเลยตลอดรายการ (ชนะ 7 เสมอ 5) ขณะที่เรนเจอร์สแพ้ถึง 5 นัด (ชนะ 6 เสมอ 3)

 

  • สไตล์การเล่นของเรนเจอร์สใต้ยุคฟานบรองก์ฮอร์สต์ มีการเปลี่ยนแปลงจากยุคของเจอร์ราร์ดให้ยืดหยุ่นมากขึ้นในระบบ 4-2-3-1 ไม่ได้เน้นลุยหนักอย่างเดียว ขณะที่แฟรงก์เฟิร์ตใต้การคุมทีมของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือชาวออสเตรียที่คุมทีมเป็นฤดูกาลแรกถนัดการตั้งรับและสวนกลับอย่างรวดเร็ว (และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเก็บทีมใหญ่กว่าได้)

 

  • ที่น่าสนใจดาวเด่นของทั้งสองทีมเป็นผู้เล่นริมเส้น โดยเรนเจอร์สคือ เจมส์ ทาเวอร์เนียร์ แบ็กขวากัปตันทีมที่ฟอร์มร้อนแรงอย่างมากในปีนี้ และทำไปแล้ว 7 ประตูด้วยกัน ขณะที่ฟากของแฟรงก์เฟิร์ตคือ ฟิลิป คอสติช ตัวลุยฝั่งซ้ายที่ทำไปแล้ว 14 แอสซิสต์ตลอดฤดูกาล และในรายการยูโรปาลีกก็ทำไปแล้ว 5 แอสซิสต์ เรียกได้ว่าจะได้เห็นการดวลเดือดกันทางฝั่งนี้แน่นอน

 

  • เกมนัดชิงชนะเลิศยูโรปาลีกจะมีขึ้นในคืนนี้เวลา 02.00 น. ถ่ายทอดสดทาง beIN SPORTS ซึ่งแม้ความสนใจจะน้อยกว่านัดชิงหลายปีที่ผ่านมา แต่รับประกันได้ว่าเป็นเกมที่น่าจะสนุกและไม่ควรพลาดอย่างแท้จริง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X