ช่วงปิดฤดูกาลนี้เป็นช่วงเวลาที่หลายสโมสรยักษ์ใหญ่จะมีการปรับเปลี่ยนมากที่สุด หลังจากที่ต้องเผชิญกับสภาวะความไม่แน่นอนจากโควิดมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี
หนึ่งในสโมสรที่จะมีการ ‘ปรับใหญ่’ ด้วยคือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง สโมสรฟุตบอลที่ร่ำรวยด้วยเงินทอง และอุดมด้วยเหล่าซูเปอร์สตาร์มากมาย แต่สุดท้ายไปไม่ถึงฝันในการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกแม้แต่ครั้งเดียว
การตกรอบด้วยน้ำมือของเรอัล มาดริด – ทีมที่ก้าวไปเป็นแชมป์ในเวลาต่อมา – ทำให้ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี ประธานสโมสรเปแอสเชตัดสินใจที่จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสโมสรครั้งใหญ่ และนำไปสู่การตัดสินใจที่สำคัญในหลายเรื่อง
สิ่งแรกที่สามารถทำได้สำเร็จคือ การรั้ง คีเลียน เอ็มบัปเป้ ซูเปอร์สตาร์กองหน้าหมายเลขหนึ่งให้อยู่กับทีมต่อไปได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมามีกระแสข่าวมาโดยตลอดว่า ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสเตรียมเก็บข้าวของไปตามรอยความฝันที่ซานติอาโก เบร์นาเบว กับทีมเรอัล มาดริด
การต่อสัญญากับเอ็มบัปเป้เป็นโดมิโนตัวแรกที่จะนำไปสู่การตัดสินใจอื่น เนื่องจากตามกระแสข่าวแล้วหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของการที่สุดยอดกองหน้าแห่งยุคจะอยู่ต่อคือ การมีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องกิจการสำคัญของสโมสร
ในการตัดสินใจนั้นมีการพูดกันไว้ดังนี้
- อำนาจในการเลือกตัวโค้ชคนใหม่
- อำนาจในการเลือกตัวผู้อำนวยการสโมสรคนใหม่
- อำนาจในการเลือกตัวผู้เล่นในทีม
อำนาจ 3 ประการนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความจริงได้ เพราะนั่นจะหมายถึงการที่นักฟุตบอลคนหนึ่งจะมีอำนาจที่สูงกว่าสโมสร แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายบริหารของเปแอสเชเองก็อาจจะมองเห็นในแนวทางเดียวกันว่า สิ่งที่ทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาอาจจะใช่สิ่งที่ถูกต้อง
การเปลี่ยนแปลงแรกที่ถือเป็นการเขย่าสโมสรแรกและแรงมาก คือการที่เปแอสเชมีการปลดเลโอนาร์โด ผู้อำนวยการสโมสรที่อยู่รับใช้ทีมมาอย่างยาวนาน และเคยเป็นหนึ่งในฮีโร่ของแฟนบอล และมีการเลือก หลุยส์ คัมโปส เข้ามาทดแทนในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านฟุตบอลของสโมสร
โดยคัมโปสนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกลสำหรับเอ็มบัปเป้ เพราะเป็นอดีตผู้อำนวยการสโมสรโมนาโก ทีมเก่าในช่วงที่กองหน้าดาวรุ่งรายนี้แจ้งเกิดในทีมยุคของ เลโอนาร์โด ยาร์ดิม ที่สร้างสีสันให้แก่วงการฟุตบอลยุโรปได้ในฐานะทีมม้ามืดของวงการ ซึ่งกูรูลูกหนังวัย 57 ปีหมดสัญญากับสโมสรลีลล์พอดี
ตำแหน่งต่อมาที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงตามกระแสข่าวที่สะพัดตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ (12 มิถุนายน) ที่ผ่านมา คือการที่เปแอสเชจะปลด เมาริซิโอ โปเชตติโน โค้ชชาวอาร์เจนไตน์ออกจากตำแหน่ง
เรื่องการปลดโปเชตติโนความจริงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เนื่องจากแม้จะพาทีมกลับมาคว้าแชมป์ลีกเอิงได้อีกครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ถือเป็นความสำเร็จที่น้อยนิดเมื่อคิดถึงการตกรอบแชมเปียนส์ลีก และเรื่องของการที่ไม่สามารถสร้างทีมที่ดีได้ ทั้งๆ ที่มีนักเตะระดับสตาร์มากมายเต็มไปหมด ซึ่งรวมถึงการคว้า ลิโอเนล เมสซี ราชาลูกหนังโลกชาวอาร์เจนไตน์มาร่วมทีมด้วย
สำหรับตำแหน่งโค้ชคนใหม่ ซีเนอดีน ซีดาน ถูกคาดหมายว่าจะเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เอ็มบัปเป้ชื่นชอบแน่นอน แต่อดีตกุนซือเรอัล มาดริดไม่ใช่เป้าหมายเดียว ยังมี คริสตอฟ กัลติเยร์ โค้ชของนีซที่เคยร่วมงานกับคัมโปส และพาลีลล์ คว้าแชมป์ลีกเอิงเมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนอยู่ในข่ายด้วย ขณะที่ โชเซ มูรินโญ ที่มีข่าวด้วยมีการยืนยันว่าต้องการจะอยู่กับโรมาต่อไป
ขณะที่โปเชตติโน การตกงานครั้งนี้ยิ่งเจ็บขึ้นอีกเมื่อถูกเมินจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่จ้องตากันมาเป็นเวลาหลายปี ก่อนที่สุดท้ายจะเลือก เอริก เทน ฮาก จากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยเชื่อในฟุตบอลเกมรุกบุกแหลก และการสร้างทีมจากขุมกำลังในทีมเยาวชน แต่เชื่อว่ากุนซือชาวอาร์เจนไตน์จะได้โอกาสกลับมาพรีเมียร์ลีกอีกครั้งอย่างแน่นอน
ส่วนสุดท้ายที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากคือ การโละนักเตะที่เล่นได้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยนอกเหนือจาก อังเคล ดิ มาเรีย ปีกจอมเก๋าที่อำลาสโมสรหลังหมดสัญญาแล้ว คาดว่าจะมี เมาโร อิคาร์ดี, อิดริสซา กานา เกย์, ดานิโล เปเรยรา, เกย์ลอร์ นาวาส และ จูเลียน แดร็กซ์เลอร์ ที่ถูกปล่อยตัวออกจากทีม
ขณะที่คนที่จะถูกจับตามองคือ เนย์มาร์ อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ที่มีข่าวว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เอ็มบัปเป้ต้องการจะเขี่ยออกจากสโมสร แต่โอกาสเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เนื่องจากสตาร์ทีมชาติบราซิลเพิ่งจะต่อสัญญาฉบับใหม่ไปไม่นาน อีกทั้งแทบไม่มีสโมสรใหญ่ทีมไหนที่พร้อมจะคว้าตัวไปร่วมทีมได้ในช่วงปิดฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ดี ทิศทางของเปแอสเชในยุคใหม่จะเป็นอย่างไร ต้องให้เวลากับคนที่มีหน้าที่จริงๆ อย่างคัมโปสในการกำหนด (ส่วนเอ็มบัปเป้นั้นให้ถือเป็นแค่ข่าวเล่าข่าวลือเพราะไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้) ซึ่งไม่ว่าจะไปในทิศทางใดก็จะเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างแน่นอน
เพราะนี่คือทีมที่มีศักยภาพสูงที่สุดในยุโรป และมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือครองวงการลูกหนังให้ได้
อ้างอิง: