×

‘เกมสืบทอดอำนาจ กติกาเอื้อทหาร’ เรารู้อะไรในเลือกตั้งเมียนมา ที่นานาชาติกังขา

18.12.2025
  • LOADING...
‘เกมสืบทอดอำนาจ กติกาเอื้อทหาร’ เรารู้อะไรในเลือกตั้ง เมียนมา ที่นานาชาติกังขา

เมียนมากำลังจะมีการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหารในปี 2021 ท่ามกลางการตอกย้ำของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่ายว่า นี่คือการลงคะแนนเสียงที่ ‘เสรี’ และ ‘ยุติธรรม’ ขณะที่ ซอ มิน ตุน โฆษกคณะรัฐบาลทหาร ระบุอย่างชัดเจนว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อประชาชนเมียนมา ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อประชาคมระหว่างประเทศ

 

แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดของกติกา กระบวนการ และบริบทแวดล้อมอย่างรอบด้าน สิ่งที่ปรากฏชัดกลับไม่ใช่สัญญาณของการคืนอำนาจให้ประชาชน หากแต่เป็นโครงสร้างการเลือกตั้งที่ถูกออกแบบมาเพื่อสืบทอดอำนาจของกองทัพ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ ระบบเลือกตั้ง ไปจนถึงการจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

 

และนี่คือสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งเมียนมาที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2025 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2026

 

กฎและกติกาที่เอื้อต่อชัยชนะของพรรคทหาร

 

  • ในช่วงที่ผ่านมา มิน อ่อง หล่าย ยืนยันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญปี 2008 โดยอ้างว่า จะทำให้เกิดการลงคะแนนเสียงที่เสรี เป็นธรรม และสะท้อนเจตจำนงของประชาชน พร้อมอ้างความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ

 

  • อนึ่งมีข้อโต้แย้งว่า รัฐธรรมนูญปี 2008 สิ้นสภาพไปจากการรัฐประหารปี 2021 ซึ่งขณะนี้ กลุ่มประชาธิปไตยเมียนมากำลังเตรียมร่างกรอบกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่

 

  • รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกมองว่า ไร้ความชอบธรรมตั้งแต่กระบวนการจัดทำ ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางพายุไซโคลนนาร์กิส แต่รัฐบาลทหารอ้างว่า มีผู้มาใช้สิทธิถึง 98% และ 93% เห็นชอบ

 

  • หมายเหตุ: รัฐธรรมนูญ​ 2008 สงวนที่นั่งในสภา 25% ให้กับกองทัพเมียนมา ทั้งในระดับสหภาพ รวมถึงรัฐและภาค อีกทั้งยังให้อำนาจวีโตการแก้ไขรัฐธรรมนูญกับกองทัพ

 

  • หากอิงตามรัฐธรรมนูญเมียนมา 2008 โดยทั่วไปแล้ว การเลือกตั้งเมียนมาแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่

 

  • 1. รัฐบาลสหภาพ (Union Government) หรือรัฐบาลกลางที่มีอำนาจครอบคลุมทั่วทั้งประเทศเมียนมา

 

  • 2. รัฐและภาค (Regions and States) แต่ละรัฐและภาคมีอำนาจฝ่ายบริหารพื้นที่เฉพาะ นำโดยมุขมนตรีและคณะรัฐมนตรี

 

  • 3. เขตปกครองตนเอง (Self-Administered Zone – SAZ) นำโดยคณะผู้นำ ซึ่งมีอำนาจฝ่ายบริหารภายในพื้นที่ของตนเอง

 

  • ในระดับรัฐสภาแห่งสหภาพ ประกอบด้วย 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร (Pyithu Hluttaw) และสภาชนชาติ (Amyotha Hluttaw) ขณะที่มีสภารัฐและภาคมีทั้งหมด 14 แห่งทั่วประเทศ

 

  • ที่ผ่านมา การเลือกตั้งเมียนมาใช้ระบบเสียงข้างมากธรรมดา (First-Past-the-Post: FPTP) คือ ผู้สมัครคนไหนได้คะแนนมากที่สุด ก็จะชนะการเลือกตั้งไปโดยปริยาย แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วน (Proportional Representation: PR) คือการพิจารณาที่นั่งในสภาจากพรรค เช่น พรรคที่ได้คะแนนมากก็ได้ที่นั่งมาก

 

  • หมายเหตุ การเลือกตั้งสมาชิกสภาชนชาติและสภารัฐ/ภาคใช้ระบบผสม ขณะที่เลือกตั้ง สส. ยังคงใช้ระบบ FPTP เพราะหากจะทำการเปลี่ยนแปลง ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ

 

  • การเลือกตั้งเมียนมาครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 เฟส ได้แก่ วันที่ 28 ธันวาคม 2025, 11 มกราคม และ 25 มกราคม 2026 โดยสาเหตุที่ต้องแบ่งเป็นหลายช่วงเวลา เพราะสงครามกลางเมือง และกระแสต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาในหมู่ประชาชน ทำให้หลายพื้นที่เผชิญข้อพิพาท และจัดการลงคะแนนเสียงเป็นไปอย่างลำบาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้

 

  • ทั้งนี้ มิน อ่อง หล่าย ยืนกรานว่า การเลือกตั้งจะจัดในพื้นที่ ‘ปลอดภัย’ เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า จะไม่นับรวมพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังชาติพันธุ์ติดอาวุธ หรือกองกำลังป้องกันประชาชน (People’s Defence Forces: PDF)

 

  • มีการตั้งข้อสังเกตจากกลุ่ม Myanmar Election Watch ว่า กองทัพเมียนมาจะจัดการเลือกตั้งอย่างไร เพราะสูญเสียพื้นที่ขนาดใหญ่ให้กับกลุ่มต่อต้าน และกลุ่มชาติพันธุ์ที่สู้กับกองทัพ ซึ่งมีการจัดสำมะโนแล้วพบว่า พื้นที่ที่สามารถเลือกตั้งได้จริงๆ มีเพียง 145 เขต จาก 330 เขตทั่วประเทศ

 

  • ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งสหภาพ (Union Election Commission: UEC) ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหาร ยังสั่งให้พรรคการเมืองส่งผู้สมัครเลือกตั้งเพียง 100 เขตเลือกตั้ง ซึ่งน้อยกว่าจำนวนเขตที่ทำการเลือกตั้งได้จริง

 

  • เบื้องต้น UEC ประกาศว่า การเลือกตั้งเมียนมาครั้งนี้ มีผู้สมัครรวมทั้งสิ้น 4,963 คน โดยมาจากพรรคการเมือง 57 พรรค ซึ่งมี 51 พรรคที่แข่งขันในระดับรัฐและภาค ขณะที่ 6 พรรคลงแข่งขันในระดับทั่วประเทศ ได้แก่

 

  • พรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (Union Solidarity and Development Party: USDP) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของทัตมาดอว์ มีผู้สมัครจำนวน 1,018 คน

 

  • พรรคเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Party) มีผู้สมัครจำนวน 694 คน

 

  • พรรคผู้บุกเบิกประชาชน (People’s Pioneer Party) มีผู้สมัครจำนวน 672 คน

 

  • พรรคพัฒนาเกษตรกรเมียนมา (Myanmar Farmers Development Party) มีผู้สมัครจำนวน 428 คน

 

  • พรรคประชาธิปไตยฉานและชนชาติ (Shan and Nationalities Democratic Party) มีผู้สมัครจำนวน 584 คน

 

  • พรรคประชาชน (People’s Party) มีผู้สมัครจำนวน 512 คน

 

  • ขณะที่พรรคการเมืองตัวเต็ง อย่างพรรคสันนิบาตประชาธิปไตย (National League for Democracy: NLD) ที่นำโดยอองซานซูจี รวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ อีก 40 พรรคไม่สามารถลงเลือกตั้งได้ โดยกองทัพเมียนมาอ้างว่า หากพรรคใดจะลงเลือกตั้ง ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายภายใน 60 วัน หรือ 2 เดือน นับตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับ คือ วันที่ 26 มกราคม 2025

 

  • อย่างไรก็ดี พรรค NLD ประกาศคว่ำบาตรชัดเจนว่า จะไม่เข้าร่วมการเลือกตั้งใดๆ ที่กองทัพเมียนมาจัดขึ้น เพราะไร้ความชอบธรรม โดย โบ โบ อู (Bo Bo Oo) หนึ่งใน ส.ส.ระบุว่า เมียนมาไม่สามารถมีเลือกตั้งได้ หากผู้นำทางการเมือง นักเคลื่อนไหว และประชาชนจำนวนมากกำลังถูกจับกุม

 

  • มีการคาดการณ์ว่า พรรคที่ชนะการเลือกตั้งคงหนีไม่พ้นพรรค USDP โดยผู้ที่จะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี คือ มิน อ่อง หล่าย โดยล่าสุด ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลให้ความเห็นถึงอนาคตทางการเมืองของผู้นำเมียนมาว่า เขามีประสบการณ์ทั้งด้านการทหาร และพลเรือน ซึ่งหากได้รับมอบหมายบทบาทตามรัฐธรรมนูญ มินอ่องหล่ายก็พร้อมยินดีรับใช้ชาติ

 

  • ชณะที่ตำแหน่งรองประธานาธิบดี 2 คน อาจตกเป็นของ ขิ่น ยี (Khin Yi) ประธานพรรค USDP และตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์อีก 1 คนตามธรรมเนียม ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับมินอ่องหล่าย ส่วนภาพคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะเต็มไปด้วยกลุ่มทหารที่ ‘ถอด’ เครื่องแบบ เพื่อเข้าสู่สนามการเมือง

 

  • อย่างไรก็ดี ไม่มีใครทราบชะตากรรมของอองซานซูจี ล่าสุดสื่อภายใต้รัฐบาลทหารออกมาย้ำว่า เธอมีสุขภาพดี หลังจาก คิม อาริส บุตรชายให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เขาไม่ได้รับข่าวคราวจากแม่เป็นเวลา 2 ปี และเธออาจจะเสียชีวิตไปแล้ว

 

  • มีการคาดการณ์ว่า อองซานซูจีอาจจะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนหลังการเลือกตั้งสิ้นสุด ซึ่งโดยปกติแล้ว รัฐบาลทหารมักอภัยโทษนักโทษการเมืองคนสำคัญในช่วงเลือกตั้ง

 

ผู้เชี่ยวชาญพบความผิดปกติในการเลือกตั้ง ชี้เป็นเครื่องมือ ‘ฟอกขาว’ กองทัพ

 

  • แม้ มิน อ่อง หล่ายจะประกาศว่า เมียนมาจะจัดการลงคะแนนเสียง ที่ ‘เสรี’ และ ‘ยุติธรรม’ หากแต่นานาชาติ และกลุ่มสังเกตการณ์เล็งเห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกขาวกองทัพเมียนมา ซึ่งมีข้อสังเกตหลายประการที่เต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส และไร้ความชอบธรรม

 

  • ทั้งนี้ เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (Asian Network for Free Elections: ANFREL) เปิดตัวรายงานประเมินสถานการณ์ที่ชื่อว่า Myanmar Junta’s Planned Elections: Falling Short of Democratic Legitimacy โดยชี้ให้เห็นถึง 15 ความผิดปกติในกระบวนการเลือกตั้งเมียนมา ซึ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และเชื่อถือไม่ได้

 

  • รายงานระบุว่า รายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งของเมียนมา ไม่ได้จัดทำจากฐานข้อมูลอิสระหรือเป็นกลาง แต่อิงจากทะเบียนประชากรของรัฐที่กองทัพใช้ควบคุม เฝ้าระวัง และบังคับเกณฑ์ทหาร

 

  • ขณะที่ระบบลงคะแนนล่วงหน้าอยู่ขาดความโปร่งใส โดยแรงงานเมียนมาในต่างประเทศ เสี่ยงถูก ‘กดดัน’ ให้ลงคะแนนเสียง เช่น การข่มขู่ครอบครัว

 

  • อีกทั้งยังกฎหมายการเลือกตั้งยังเปิดทางให้มีการนับคะแนนและประกาศผลล่วงหน้าการเลือกตั้งล่วงหน้าก่อนวันเลือกตั้งจริง ซึ่งขัดมาตรฐานสากลและเปิดช่องชี้นำผล

 

  • นับเป็นครั้งแรกที่เมียนมาจะใช้ระบบเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ (EVMs) ในการเลือกตั้ง หากแต่ไม่มีการปรึกษาพรรคการเมือง ภาคประชาชน หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยกระบวนการจัดหาเครื่องไร้ความโปร่งใส ไม่มีเปิดเผยที่มาหรือสัญญาจัดซื้อ จนถึงขั้นที่พรรคการเมืองยังไม่เข้าใจระบบ และไม่สามารถอธิบายให้ประชาชนฟังได้

 

  • การจัดการเลือกตั้งในสภาพแวดล้อมกดขี่ และปราศจากเสรีขั้นพื้นฐาน โดยล่าสุด มีรายงานจาก CNN ว่า รัฐบาลทหารเมียนมาดำเนินคดีกับประชาชนมากกว่า 200 คน ในฐาน ‘ฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง’ โดยอ้างข้อบังคับจากกฎหมายเลือกตั้งว่า หากใครพูด จัดกิจกรรม ปลุกระดม ประท้วง หรือแจกเอกสารใดๆ เพื่อขัดขวางการเลือกตั้ง จะต้องโทษจำคุก 3-10 ปี ซึ่งโทษสูงสุดสำหรับบางกรณี คือ การประหารชีวิต

 

  • ข้อครหาเลือกตั้งเมียนมายังรวมไปถึงกรณีอื่นๆ เช่น

 

  • กระบวนการแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

  • การไม่อนุญาตให้มีผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือ

 

  • การใช้ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนเพื่อเอื้ออำนวยให้พรรคของกองทัพชนะ

 

  • อนึ่ง ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเคยระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเมียนมา ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อประชาคมระหว่างประเทศ หากใครอยากวิจารณ์ก็สามารถทำได้ แต่กองทัพยังคงมุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายหลัก คือ การมีระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคการเมือง

 

นานาชาติจับตามองอย่างไร

 

  • สหภาพยุโรปออกแถลงการณ์ระบุว่า การเลือกตั้งเมียนมาที่รัฐบาลทหารจัดขึ้น ขาดเงื่อนไขพื้นฐานของการเลือกตั้งเสรี เป็นธรรม และไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยมีเป้าหมายเพียงสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลทหาร

 

  • EU ประกาศสนับสนุนบทบาทนำของอาเซียน โดยเรียกร้องให้เมียนมาดำเนินการตามฉันทมติ 5 ข้อของอาเซียน ซึ่งยุโรปพร้อมสนับสนุนความพยายามที่จะนำไปสู่สันติภาพและการเจรจาที่ครอบคลุม{{LISTEND}}

 

  • ส่วนผู้รายงานพิเศษ UN เรียกร้องให้อาเซียนปฏิเสธการเลือกตั้งของรัฐบาลทหารเมียนมาที่ไร้ความชอบธรรม โดยมองว่า การเลือกตั้งเมียนมาเกิดขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจกองทัพและลดแรงกดดันนานาชาติ

 

  • รายงานยังทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรมไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากยังมีความรุนแรง การคุมขังนักการเมือง และการทำลายเสรีภาพพื้นฐาน พร้อมเรียกร้องให้อาเซียนแสดงภาวะผู้นำ เรียกร้องความรับผิดชอบ ยุติความรุนแรง และเปิดทางช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม{{LISTEND}}

 

  • ขณะที่ในหน้าการเมืองสหรัฐฯ พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันเรียกร้องให้รัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ คว่ำบาตรการเลือกตั้งเมียนมา โดยชี้ว่า การลงคะแนนเสียงถูกจัดฉากโดยรัฐบาลทหารเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ระบอบหลังรัฐประหารปี 2021 รวมถึงได้รับแรงหนุนจากจีน

 

  • ปัจจุบัน กระทรวงความมั่นคงสหรัฐฯ ตัดสินใจยุติสถานะคุ้มครองชั่วคราว (Temporary Protected Status: TPS) ชาวเมียนมา โดยอ้างความคืบหน้าด้านเสถียรภาพและการเลือกตั้งเมียนมา {{LISTEND}}

 

  • ด้านจีนแสดงท่าทีหลังจากมีการประกาศวันเลือกตั้งมาว่า การลงคะแนนเสียงครั้งนี้เป็นกิจการภายในของเมียนมา และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแสวงหาการปรองดองภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ

 

  • สำหรับอาเซียน ไม่เคยแสดงการสนับสนุนการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเป็นทางการ แม้เมียนมาอนุญาตให้ประเทศสมาชิกเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง หากแต่มีรายงานว่า มาเลเซียและฟิลิปปินส์เรียกร้องให้อาเซียนปฏิเสธ

 

  • ในช่วงที่ผ่านมา อาเซียนออกแถลงการณ์ให้เมียนมาทำตามฉันทมติ 5 ข้อ โดยระบุว่า รับทราบแผนจัดการเลือกตั้ง แต่ยืนกรานว่า เมียนมาต้องยุติความรุนแรง และการเจรจาทางการเมืองอย่างครอบคลุมก่อนการเลือกตั้ง

 

  • อย่างไรก็ตาม นโย ซอ (Nyo Saw) นายกรัฐมนตรีเมียนมาอ้างว่า อาเซียน ‘เข้าใจ’ และ ‘สนับสนุน’ การเลือกตั้งครั้งนี้

 

  • สำหรับจุดยืนของไทย สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเคยกล่าวไว้ว่า ไทยไม่สามารถขัดขวางเมียนมาจัดเลือกตั้งได้ โดยมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่ปลายทางของสันติภาพ แต่ควรเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ไปสู่สันติภาพ และควรเปิดให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วม

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising