×

นักวิชาการ มธ. เสนอแผน 3 ระยะ แก้วิกฤติซากขยะหาดใหญ่ ป้องสารเคมีไหลลงดิน

โดย THE STANDARD TEAM
02.12.2025
  • LOADING...
นักวิชาการ มธ. เสนอแผน 3 ระยะ แก้วิกฤติซากขยะ หาดใหญ่ ป้องสารเคมีไหลลงดิน

วันนี้ (2 ธันวาคม) รศ. ดร.น้ำฝน เอกตาแสง อาจารย์ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลายลง พบว่า จังหวัดสงขลา กำลังเผชิญกับวิกฤติซากขยะหลังน้ำลด หน่วยงานกำลังเร่งเก็บกู้ขยะที่มีมากกว่า 2.5 หมื่นตัน ส่วนตัวจึงขอเสนอแผนระบบการจัดการขยะหลังน้ำลด ออกเป็น 3 ระยะ คือระยะเร่งด่วน ระยะกลางเพื่อการฟื้นฟู และระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างยั่งยืน

 

รศ. ดร.น้ำฝน กล่าวว่า ในระยะเร่งด่วนเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ควรจะมีการกำหนดจุดทิ้งขยะในบริเวณที่ใกล้กับชุมชนมากที่สุด และเร่งรณรงค์ให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องการคัดแยกขยะ เพื่อให้ประชาชนคัดแยกในเบื้องต้นก่อนจะนำไปกองรวมที่บริเวณจุดทิ้งขยะที่ท้องถิ่นกำหนด เพราะขณะนี้มีขยะที่เกิดขึ้นหลายประเภท อาทิ ขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล และที่น่ากังวลคือขยะอันตรายจำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า แบตเตอรี่ สารเคมี ฯลฯ ที่ลอยมากับน้ำท่วม

 

อย่างไรก็ตาม ในบางพื้นที่อาจเกิดข้อจำกัดทำให้ประชาชนไม่สามารถดำเนินการคัดแยกขยะได้ด้วยตนเอง ควรจะมีหน่วยงานจากภาครัฐเข้าไปตั้งศูนย์เฉพาะกิจในบริเวณที่ใกล้กับชุมชนเพื่อดำเนินการคัดแยกขยะให้ประชาชน นอกจากนี้อยากจะให้หน่วยงานในพื้นที่ได้มีการประเมินความเสี่ยงจุดพื้นที่ในการทิ้งขยะ เพราะจากการพยากรณ์อากาศอาจจะยังคงมีฝนอยู่เล็กน้อย

 

“ตอนนี้จากที่ดูในภาพข่าวเหมือนนำขยะไปเทกองไว้ ส่วนตัวจึงอยากให้ประเมินเรื่องพื้นที่ในการทิ้งรวม อาจจะต้องเป็นพื้นที่สูง ห่างจากแหล่งน้ำ และมีระบบในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำ เช่น ถ้าสามารถปูผ้าใบรองลงไปก่อนที่จะนำขยะมาเททิ้ง อย่างน้อยในกรณีที่มีฝนตกซ้ำ หากมีขยะอันตรายเข้ามาผ้าใบที่ปูไว้ก็จะเป็นปราการด่านแรกในการป้องกันไม่ให้สารเคมีรั่วซึมปนเปื้อนลงดินได้ เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของคนในพื้นที่” รศ. ดร.น้ำฝน กล่าว

 

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อไปด้วยว่า ในระยะกลางเพื่อการฟื้นฟู ซึ่งอาจกินระยะเวลา 1-3 เดือน หลังจากนี้ควรจะมีการประเมินการเก็บข้อมูลเชิงสถิติในปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นหลังภัยพิบัติ ว่ามีมากน้อยเพียงใด เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการออกแบบการรับมือขยะหลังภัยพิบัติต่อไป จากนั้นก็จะต้องเริ่มต้นกำหนดตำแหน่งและเส้นทางการขนย้ายขยะให้เกิดความรวดเร็วที่สุด

 

นอกจากนี้ หากภาครัฐ ภาคเอกชน มีกำลังไม่เพียงพอในการจัดการ ควรจะสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชนในชุมชน เช่น การคัดแยกขยะ หรือการนำขยะประเภทที่สามารถรีไซเคิลได้ไปสร้างมูลค่าเพิ่มแทนที่จะนำไปกำจัดอย่างเดียว และควรจะต้องเกิดกระบวนการทำงานที่บูรณาการการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีการสื่อสาร และกำหนดมาตรการอย่างมีส่วนร่วม

 

รศ. ดร.น้ำฝน กล่าวถึงการแก้ปัญหาระยะยาวเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างยั่งยืนว่า การรับมือภัยพิบัติไม่เพียงแค่การประเมินเรื่องน้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือแผนในการเผชิญเหตุเท่านั้น แต่การวางระบบเชิงโครงสร้างเพื่อการจัดการปัญขยะภายหลังเกิดภัยพิบัติควรจะเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ควรจะมีการวางแผน การเตรียมความพร้อมเช่นเดียวกัน

 

ทั้งนี้ ในระดับจังหวัดควรจะมีการกำหนดขั้นตอน มาตรฐาน หรือคู่มือการจัดการขยะหลังภัยพิบัติที่จะสามารถถ่ายทอดไปยังหน่วยงานท้องถิ่นได้ นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องการสร้างและกำหนดเครือข่ายการทำงาน ว่าหากเกิดวิกฤติแล้วหน่วยงานใดบ้างที่จะต้องเข้ามาช่วยเหลือ รวมไปถึงความพร้อมด้านเทคโนโลยี เช่น การมีระบบรายงานแจ้งเรื่องร้องเรียนที่ประชาชนสามารถแจ้งเข้ามาได้แบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ โดยภาครัฐก็จะเข้าไปแก้ไขได้อย่างทันท่วงที หากทำได้ก็จะเป็นประโยชน์ที่จะสามารถปรับโครงสร้างในการรับมือกับภัยพิบัติในอนาคตได้ ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าจุดในการทิ้งขยะ การรวมขยะควรจะเป็นตรงไหน และหน่วยงานก็จะเข้าใจบทบาทว่าควรขับเคลื่อนต่ออย่างไร

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising