จีนเตรียมแสดงแสนยานุภาพทางทหารและความเป็นมหาอำนาจโลกของตนเอง ผ่านพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปี ชัยชนะเหนือญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือที่ชาวจีนเรียกว่า ‘สงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น’ ที่จะจัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง วันพรุ่งนี้ (3 กันยายน)
ไฮไลต์ของงานนี้ คือขบวนพาเหรดทางทหารอันยิ่งใหญ่ ที่จีนจะขนกำลังทหารหลายพันนายร่วมเดินสวนสนาม พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัยที่นำมาจัดแสดง ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเป็นผู้ตรวจแถว ท่ามกลางผู้นำและประมุขแห่งรัฐจาก 25 ประเทศ รวมถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย, คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ พลเอกอาวุโสมินอ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ และมีผู้ได้รับเชิญเข้าร่วมชมขบวนพาเหรดกว่า 5 หมื่นคน
งานนี้สำหรับสี เป็นมากกว่าแค่พิธีฉลองวันแห่งชัยชนะ แต่ยังเป็นอีเวนต์สำคัญในรอบปีที่สะท้อนชัยชนะทางการทูตของจีน โดยจัดขึ้นต่อเนื่องจากงานประชุมสุดยอดผู้นำองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือ SCO Summit 2025 ที่นครเทียนจิน ซึ่งมีผู้นำโลกเข้าร่วมกว่า 20 คน
ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ และรัฐบาลตะวันตกอื่นๆ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมชมขบวนพาเหรด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการปรากฏตัวของปูติน จึงทำให้งานนี้ไม่ต่างอะไรจากการรวมตัวกันของผู้นำโลกที่ส่วนใหญ่มีแนวคิดต่อต้านตะวันตก
และนี่คือรายละเอียดที่เรารู้เกี่ยวกับงานนี้
ใครเข้าร่วมบ้าง?
นอกจากรัสเซีย เกาหลีเหนือ และเมียนมาแล้ว ยังมีผู้นำอิหร่าน มองโกเลีย ซิมบับเว และหลายประเทศในเอเชียกลาง ส่วนผู้นำชาติตะวันตก มีเพียง 2 ประเทศคือเซอร์เบียและสโลวาเกีย
ขณะที่ผู้นำชาติอาเซียนอื่นๆ อาทิ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย, ทองลุน สีสุลิดประธานาธิบดี สปป.ลาว ที่ได้รับเชิญไปร่วมงานด้วย
ส่วนอินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีปราโบโว ซูเบียนโต ตัดสินใจยกเลิกทริปเยือนจีนภายหลังเกิดเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ ในขณะที่กัมพูชา มีพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชาที่เสด็จไปร่วมชมขบวนพาเหรดและอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัยหลากหลายชนิดของจีน
จีนเตรียมโชว์อะไรบ้าง?
ทหารกองทัพปลดปล่อยประชาชน (People’s Liberation Army: PLA) จำนวนหลายพันนาย จะร่วมเดินสวนสนามผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันพรุ่งนี้ และคาดว่าจะกินเวลานานประมาณ 70 นาที
รัฐบาลจีนเผยว่า นอกจากกำลังพลแล้วขบวนพาเหรดนี้จะมีเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินกองทัพมากกว่า 100 ลำ รถถัง รถหุ้มเกราะและอาวุธภาคพื้นดินอีกหลายร้อยชิ้น ตลอดจนระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ HQ-19, HQ-26 และ HQ-29 ซึ่งทั้งหมดผลิตในประเทศและพร้อมใช้ในการรบ
พลตรี หวู่ ซีเคอ รองผู้อำนวยการฝ่ายจัดการขบวนพาเหรด ระบุว่า อาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ที่นำมาแสดง สะท้อนถึงภารกิจด้านข้อมูลและข่าวกรองในระดับสูง และเน้นย้ำถึงศักยภาพของกองทัพในการปรับตัวให้เข้ากับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและรูปแบบการรบที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อเอาชนะความขัดแย้งในอนาคต”
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางทหารยังจับตาดูขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ของจีน ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ๆ
ชินจิ ยามากูจิ นักวิจัยอาวุโสประจำแผนกจีนศึกษา สถาบันแห่งชาติเพื่อการศึกษาด้านการป้องกันประเทศของรัฐบาลญี่ปุ่น (Japanese government’s National Institute for Defense Studies) ชี้ว่า ขีปนาวุธดังกล่าวของจีนถือเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อเรือรบสหรัฐฯ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อความเคลื่อนไหวทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ยามากูจิคาดการณ์ว่า จีนจะนำโดรนไร้คนขับ และโดรนทางทะเล มาแสดงในขบวนพาเหรดทางทหารครั้งนี้ด้วย เนื่องจากโดรนถือเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการรบสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่สงครามในยูเครน
นอกจากนี้ ยังมีจับตามองเครื่องบินขับไล่ของจีนว่า น่าจะได้รับความสนใจอย่างมากเช่นกัน หลังจากที่ในเหตุขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถานเมื่อเดือนพฤษภาคม รัฐบาลปากีสถานระบุว่าได้ใช้เครื่องบิน J-10C ที่ผลิตโดยจีน ในการยิงเครื่องบินขับไล่ Rafale ของอินเดียตก
โดยนักวิเคราะห์ยังชี้ว่า ขบวนพาเหรดทางทหารในวันพรุ่งนี้ จะถูกจับตามองจากทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเป็นการส่งสัญญาณของจีนในการยกระดับกำลังทหาร และอาจเป็นนัยยะพิเศษที่โยงไปถึงการโจมตีไต้หวัน
จีนเตรียมพร้อมอะไรบ้าง?
การจัดแสดงขบวนพาเหรดทางทหารในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของจีนนับตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งยังได้เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 70 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นครั้งที่ 3 ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง
โดยกรุงปักกิ่ง มีการคุมเข้มมาตรการความปลอดภัยในระดับสูง ช่วงหลายสัปดาห์ก่อนพิธี ขณะที่มีการฝึกซ้อมขบวนพาเหรดทางทหารในช่วงกลางดึกระหว่างสัปดาห์ โดยเป็นการฝึกซ้อมอย่างลับๆ
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งเครื่องสแกน รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าอาคารสำนักงานบางแห่ง และห้ามการบินโดรนทุกชนิด ขณะที่ทางการได้ติดตามตรวจสอบหรือไปพบนักข่าวต่างประเทศบางคนถึงที่พัก อีกทั้งยังมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำการตลอด 24 ชั่วโมง บริเวณทางขึ้นสะพานลอยและสะพานต่างๆ เพื่อป้องกันการประท้วง ซึ่งบางคนสวมเครื่องแบบทหาร
พาเหรดวันแห่งชัยชนะสำคัญอย่างไร?
ขบวนพาเหรดทางทหาร นอกจากจะเป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งของจีนและอิทธิพลของสีในฐานะผู้นำโลก แต่ยังเป็นการส่งข้อความที่สำคัญต่อประชาชนภายในประเทศจีนที่ชัดเจน นั่นคือ ความภาคภูมิใจและความรักชาติ
โดยมรดกจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังคงเป็นประเด็นอ่อนไหวระหว่างญี่ปุ่นและจีน ซึ่งคาดการณ์ว่ามีผู้เสียชีวิต ทั้งทางทหารและพลเรือนราว 20 ถึง 35 ล้านคน ในระหว่างที่ญี่ปุ่นรุกรานและยึดครองจีนเป็นเวลา 14 ปี ซึ่งจีนเรียกว่าสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น
ขณะที่ ทอมป์สัน (Thompson) อดีตผู้อำนวยการด้านจีน ไต้หวัน และมองโกเลีย ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มองว่า “ขบวนพาเหรดนี้มุ่งเป้าไปที่ประชาชนชาวจีนเช่นเดียวกับศัตรูต่างชาติ”
“มันเป็นการปลุกปั่นความรู้สึกต่อต้านญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มความชอบธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์ในสายตาของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ประชาชนชาวจีนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว”
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่ออกฉายในจีน ถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้กับการรุกรานของญี่ปุ่น ซึ่งบางเรื่องทำรายได้ถล่มทลาย โดยสื่อทางการจีนยังมีการเผยแพร่รายงาน ที่ระบุจุดมุ่งหมายเพื่อ “ส่งเสริมมุมมองที่ถูกต้องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ มีการเรียกร้องให้หลายประเทศยุโรปและเอเชีย งดเข้าร่วมขบวนพาเหรดครั้งนี้ ส่งผลให้จีนยื่นข้อร้องเรียนทางการทูตเพื่อเป็นการประท้วง
ภาพ: Kevin Frayer/Getty Images
อ้างอิง: