เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา KEX ได้ประกาศลดราคาค่าจัดส่งพัสดุทั่วประเทศ เริ่มต้นที่ 19 บาทจากปกติ 25 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 แต่จะจำกัดจำนวนการส่ง 5 กล่องต่อคนต่อวัน พร้อมปรับลดค่าธรรมเนียมบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) เหลือ 2.4% จากปกติ 3% ซึ่งเป็นการเขย่าตลาดขนส่งพัสดุด่วนอย่างมาก และอาจเป็นชนวนสงครามราคาขึ้นอีกครั้ง
ล่าสุด KEX เปิดช่องทางธุรกิจใหม่ให้ตัวเอง โดยร่วมมือกับเครือเบทาโกร จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อว่า บริษัท เคอรี่เบทาโกร จำกัด ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิรายแรกในไทย โดย KEX ถือหุ้น 60% และเครือเบทาโกรถือหุ้น 40% ภายใต้ชื่อธุรกิจว่า KERRY COOL ซึ่ง KEX ปักธงให้ KERRY COOL เป็น Growth Engine ใหม่ และตั้งเป้าหมายจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 5 ปี
อเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX กล่าวว่า KERRY COOL จะเข้ามาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคด้วยบริการขนส่งเย็นแบบครบวงจรเจ้าแรกของไทย โดยเงินลงทุนระดับพันล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับลงทุนในคลังสินค้า และจุดกระจายสินค้าด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดตามมาตรฐานระดับสากล และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด
“จากการศึกษาตลาดพบว่าอุตสาหกรรมขนส่งเย็นมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงมาก มูลค่าตลาดรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 5% ของตลาดโลจิสติกส์โดยรวม และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยราว 12-15% ต่อปี สะท้อนว่ายังมีโอกาสในการขยายธุรกิจอีกมาก ขณะที่ผู้เล่นในตลาดรายใหญ่ 5 อันดับแรก มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันเพียง 10% เท่านั้น ก็สะท้อนว่ายังไม่มีผู้เล่นหลักหรือผู้นำตลาดที่แท้จริง จึงเป็นโอกาสสำคัญของ KEX ในการรุกธุรกิจนี้” อเล็กซ์กล่าว
ธุรกิจ KERRY COOL อยู่ภายใต้คอนเซปต์บริการขนส่งเย็นเจ้าแรกและดีที่สุดของไทย ซึ่งถือเป็นที่แรกที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยแพลตฟอร์มการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Express Delivery Platform) โดยนำเอาเทคโนโลยีและบริการที่มีคุณภาพระดับโลกอย่างระบบ Advanced technology & Signaling System ซึ่งถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ KEX ช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามอุณหภูมิของพัสดุตลอดการขนส่ง ไปพร้อมกับการติดตามสถานะการขนส่งได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังมีระบบการควบคุมอุณหภูมิภายในรถแบบ Dual Chamber ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ทั้ง 2 แบบคือ แบบแช่เย็น และแช่แข็ง
นอกจากนี้ KERRY COOL ได้นำความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้นำธุรกิจจัดส่งพัสดุด้วยโมเดล Hub-and-Spoke มาปรับใช้อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยในการลดต้นทุนและค่าดำเนินการขนส่ง ช่วยประหยัดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการที่ยอดเยี่ยมในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
“คาดว่า KERRY COOL จะเป็นผู้นำตลาดและสร้างรายได้ให้กับ KEX กว่า 25% ของรายได้รวมใน 3-5 ปีข้างหน้า และวางเป้าหมายว่าจะผลักดันเคอรี่เบทาโกร เข้าตลาดหลักทรัพย์ภายใน 5 ปี”
วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร กล่าวเสริมว่า ธุรกิจ Cold Chain Delivery ของประเทศไทย ในปัจจุบันยังคงเน้นจับกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก ยังไม่สามารถให้บริการผู้ประกอบการรายกลาง รายย่อย และผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง และพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคช่วงหลังสถานการณ์โควิด มีการซื้อสินค้าและอาหาร รวมถึงกลุ่มอาหารสด หรือแช่เย็น แช่แข็ง ผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการอาหารทั้งรายใหญ่ และรายย่อยทั้งหมด ต้องปรับตัวทางธุรกิจโดยให้ความสำคัญเรื่อง Food Delivery มากขึ้น
เครือเบทาโกร จึงได้จับมือกับ KEX สร้างบริการ KERRY COOL หวังยกระดับอุตสาหกรรมอาหารด้วย Cold Express Delivery Platform ที่จะช่วยทำให้โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ของอุตสาหกรรมอาหารให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ รายกลาง และรายย่อย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
