เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (2 พฤศจิกายน 2564) บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ได้ประกาศลดราคาค่าจัดส่งพัสดุทั่วประเทศ เริ่มต้นที่ 19 บาทจากปกติ 25 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 แต่จะจำกัดจำนวนการส่ง 5 กล่องต่อคนต่อวัน พร้อมปรับลดค่าธรรมเนียมบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) เหลือ 2.4% จากปกติ 3%
กระทบอย่างไร:
เมื่อวานนี้ราคาหุ้น KEX ปรับตัวลดลง 10.07%DoD สู่ระดับ 33.50 บาท ขณะที่วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2564) ราคาหุ้น KEX ปรับตัวลงต่อเล็กน้อย 0.75%%DoD สู่ระดับ 33.25 บาท (ข้อมูล ณ เวลา 12.30 น.)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่าการปรับลดราคาเริ่มต้นในการจัดส่งพัสดุจะเป็นสัดส่วนใหญ่ของปริมาณการขนส่งทั้งหมด โดยการปรับลดราคาครั้งนี้นับเป็นการปรับลดครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2564
โดยการเคลื่อนไหวนี้สร้างเซอร์ไพรส์เชิงลบต่อตลาด แม้ว่าจะทำให้ปริมาณการจัดส่งพัสดุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่จะสร้างแรงกดดันต่อแนวโน้มอัตรากำไรต่อชิ้น จากการประเมินในเบื้องต้นของ SCBS พบว่ากำไร 4Q64 จะลดลง 3%QoQ และ 18%YoY โดยการแข่งขันด้านราคาจะยังเป็นปัจจัยกดดันต่อไป
มุมมองระยะยาว:
KEX เป็นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างชัดเจนตามการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย เนื่องจากผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยอัตราการเข้าถึงอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยอยู่ในระดับที่ 3.7% เมื่อเทียบกับ 26.7% ในเกาหลี และ 9.0% ในญี่ปุ่น (ข้อมูลจาก Frost & Sullivan)
แต่อย่างไรก็ดี แนวโน้มผลประกอบการระยะยาวยังมีความเสี่ยงกดดันจากอัตรากำไรต่อชิ้นที่ลดลง โดยมีสาเหตุมาจากการแข่งขันทางราคาในอุตสาหกรรมที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ยังต้องติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจใหม่และดีล M&A ซึ่งจะเป็น Upside ต่อประมาณการแนวโน้มกำไรในอนาคต
