×

Kerry จ่อปิดฉากบนกระดานหุ้นไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ขอซื้อคืน 1.50 บาท ก่อนนำออกจากตลาด

02.05.2025
  • LOADING...
kerry-express-set-exit

เมื่อเดือนธันวาคม 2563 ‘Kerry’ หรือ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เข้ามาสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก สะท้อนจากราคาเปิดวันแรกที่กระโดดขึ้น 132% จากราคา IPO ที่ 28 บาท ก่อนจะพุ่งไปทำสถิติสูงสุดไวที่ 73 บาท พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 400 ล้านบาท ในวันนั้น

 

เวลาผ่านมากว่า 4 ปี ราคาหุ้นและผลประกอบการของเคอรี่ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง จาก 73 บาท ลงไปต่ำกว่า 1 บาท จากกำไร 1.4 พันล้านบาท เมื่อปี 2563 กลายเป็นขาดทุน 5.9 พันล้านบาท เมื่อปีก่อน 

 

ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทมีมติสำคัญ อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยสมัครใจ หลังได้รับหนังสือแสดงเจตนาจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ KEX ในสัดส่วน 81.43% (ข้อมูล ณ 7 มีนาคม 2568) โดยมีบริษัทแม่อย่าง SF Express ยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์ของจีน

 

SFTH เสนอรับซื้อหุ้นที่เหลือในราคา 1.5 บาท

 

SFTH ได้เสนอให้ KEX ดำเนินการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจาก ตลท. โดยสมัครใจ พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ที่จะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Tender Offer) ของ KEX ในส่วนที่เหลือที่ SFTH ไม่ได้ถือครอง ซึ่งคิดเป็นจำนวน 651,017,806 หุ้น หรือสัดส่วน 18.57% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด

ราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญอยู่ที่ 1.50 บาทต่อหุ้น โดย KEX ระบุว่าราคาดังกล่าวเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาสูงสุดที่คำนวณได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน อย่างไรก็ตาม ราคาเสนอซื้อสุดท้ายอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้หากมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะหรือทรัพย์สินของบริษัทฯ หรือตามเงื่อนไขอื่นในประกาศฯ แต่การกำหนดราคาสุดท้ายจะยังคงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ KEX ชี้แจงว่า แม้จะเพิกถอนหุ้นออกจาก ตลท. แล้ว บริษัทฯ จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

เงื่อนไขสำคัญก่อน SFTH ทำ Tender Offer

 

การทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ โดย SFTH จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อน (Conditions Precedent) ดังต่อไปนี้สำเร็จครบถ้วน

 

  1. ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น KEX อนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์โดยสมัครใจ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด และต้องมีผู้ถือหุ้นคัดค้านไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด
  2. ได้รับการอนุมัติ และ/หรือ การผ่อนผันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตลท., คู่สัญญา หากจำเป็น
  3. SFTH ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้ถือหุ้น (กลุ่ม SF) เพียงพอสำหรับการทำคำเสนอซื้อฯ

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการ KEX ได้มีมติอนุมัติให้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณาวาระสำคัญ ได้แก่ การรับทราบความเห็นเกี่ยวกับการเพิกถอนหลักทรัพย์และข้อเสนอของผู้ทำคำเสนอซื้อ และการพิจารณาอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ

 

กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date) ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568

 

นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้แต่งตั้ง บริษัท แคปปิตอล แอ๊ดแวนเทจ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นและคำเสนอแนะต่อผู้ถือหุ้น เพื่อประกอบการพิจารณาเรื่องการเพิกถอนหลักทรัพย์ และการทำความเห็นต่อคำเสนอซื้อต่อไป

 

ถอนหุ้นออกจากตลาดยังไม่ใช่สัญญาณธุรกิจเจ๊ง

 

สาเหตุหลักที่ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของเคอรี่ตัดสินใจนำหุ้นออกจากตลาดนั้น ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นเรียบร้อยก่อนหน้านี้ การนำหุ้นออกจากตลาดน่าจะช่วยให้การบริหารงานทำได้ง่ายขึ้น เพราะการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดมีรายละเอียดที่ต้องปฏิบัติตามหลายด้าน 

 

ส่วนข้อสงสัยที่ว่าเมื่อบริษัทถอนหุ้นออกจากตลาดแล้วนั้น จะเป็นสัญญาณว่าธุรกิจกำลังจะ ‘เจ๊ง’ หรือไม่นั้น ภาดลมองว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันโดยตรง แม้บริษัทจะยังขาดทุน แต่สุดท้ายธุรกิจจะไปต่อได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทหลังจากนั้น และการตัดสินใจถอนหุ้นออกจากตลาด อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบริษัทมองว่าสามารถระดมทุนจากบริษัทแม่ที่ต่างประเทศได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นจะต้องใช้ช่องทางระดมทุนผ่านตลาดทุน 

 

ย้อนรอยเคอรี่ก่อนถึงวันยอมถอยออกจากตลาด

 

5 ปีที่ผ่านมา ผลงานของเคอรี่ย่ำแย่ลงต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด

ปี 2563 มีรายได้ 19,010.05 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,405.03 ล้านบาท 

ปี 2564 มีรายได้ 18,972.08 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46.92 ล้านบาท 

ปี 2565 มีรายได้ 17,145.04 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 2,829.84 ล้านบาท 

ปี 2566 มีรายได้ 11,541.48 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 3,880.64 ล้านบาท 

ปี 2567 มีรายได้ 9,616.00 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 5,911.32 ล้านบาท

 

สาเหตุหลักที่ทำให้ธุรกิจของเคอรี่แย่ลง มาจากการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงของสภาพการแข่งขันในตลาดขนส่งพัสดุด่วน (Express Delivery) ของไทยที่เรียกได้ว่าเป็น “Red Ocean” ที่มีการแข่งขันสูงมาก ผู้เล่นทุกรายต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาอย่างหนัก ขณะที่ต้องพยายามรักษาคุณภาพบริการและควบคุมต้นทุน การเข้ามาของผู้เล่นใหม่ที่เน้นกลยุทธ์ราคา

 

การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ โดยเฉพาะ Flash Express และ J&T Express นำไปสู่สงครามราคาเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงมากในอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรต่อหน่วย (Margin per Unit) ให้ลดลงอย่างมาก 

 

นอกจากนี้ ผู้บริโภคทั้งผู้ส่งและผู้รับในตลาดนี้มีความอ่อนไหวต่อราคา (Price Sensitive) ค่อนข้างมาก มักจะเปรียบเทียบราคาและเลือกใช้บริการที่ถูกกว่าหากคุณภาพไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้การสร้างความภักดีต่อแบรนด์ทำได้ยากในภาวะสงครามราคา

 

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า สำหรับเป้าหมายหลักของผู้บริหาร KEX ในปี 2568 คือ การพยายามทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานกลับมาถึง จุดคุ้มทุน (Break-even) ให้ได้ จากปีก่อนที่ติดลบอยู่ถึง 2.4 พันล้านบาท

 

กลยุทธ์หลักที่จะใช้คือ การเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน ควบคู่ไปกับการหันไป มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่ให้ผลตอบแทนสูงมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มลูกค้ารายย่อย (C2C) และกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ (Corporate Key Account – CKA ซึ่งเดิมเรียกว่า B2B)

 

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ผ่านมา ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ากลยุทธ์ดังกล่าวเริ่มส่งผลบวกต่อผลกำไรขาดทุน

 

นอกจากนี้ ผู้บริหารยังยอมรับว่า กำไรสุทธิในปี 2568 โดยรวมน่าจะยังคงติดลบอยู่ แต่คาดหวังว่าผลขาดทุนจะลดน้อยลง เมื่อเทียบกับปี 2567 ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมขนส่งพัสดุด่วนยังคงเผชิญ การแข่งขันที่รุนแรง และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี

 

โดยภาพรวม บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดว่า เคอรี่จะขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 พันล้านบาท จากผลประกอบการปี 2567 ที่อ่อนแอกว่าที่คาด

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising