ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 นี้ จะมีมูลค่ารวมประมาณ 2.23 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้น่าจะดีขึ้น
เนื่องจากประชากรในประเทศส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 1 และ 2 รวมถึงเข็มกระตุ้น ทำให้คนส่วนหนึ่งมีความเชื่อมั่นที่จะเดินทางท่องเที่ยว โดยเห็นได้ว่า หลังจากที่ทางการไทยได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ ในปีนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ผ่อนคลายให้สามารถจัดกิจกรรมประเพณีสงกรานต์ ขบวนแห่ การสาดน้ำ และการจัดกิจกรรมสันทนาการได้ (ภายใต้เงื่อนไขที่ยังต้องเฝ้าระวังการระบาดของโควิด เช่น การห้ามเล่นน้ำ ประแป้ง หรือปาร์ตี้โฟมในพื้นที่สาธารณะที่ไม่มีการควบคุม) ก็ทำให้หน่วยงานท้องถิ่นในหลายพื้นที่มีแผนที่จะจัดงานเทศกาลสงกรานต์
รวมถึงหน่วยงานท่องเที่ยวและผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว กลับมาทำโปรโมชันกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่าง โปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 สำหรับการเข้าไปชมสถานที่ท่องเที่ยว หรือแพ็กเกจห้องพักราคาพิเศษ เป็นต้น รวมถึงปัจจัยหนุนจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ยังคงมีจำนวนสิทธิเหลืออยู่ประมาณ 2.7 แสนสิทธิ (ณ วันที่ 7 เมษายน 2565) เป็นที่สังเกตว่าจำนวนสิทธิการจองห้องพักปรับลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงใกล้วันหยุดเทศกาลสงกรานต์
อย่างไรก็ดี เนื่องจาก ณ ขณะนี้ ยังพบผู้ติดเชื้อโควิดใหม่รายวันระดับสูง อีกทั้งยังมีปัจจัยลบจากภาวะค่าครองชีพที่สูงจากราคาสินค้าและราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้น ก็คงจะสร้างความกังวลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของประชาชนบางกลุ่มในช่วงเวลานี้
จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า การท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ การฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึง โดยคนไทยยังเลือกเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ และ/หรือที่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอย่าง พัทยาและสัตหีบ (จังหวัดชลบุรี) เกาะกูดและเกาะช้าง (จังหวัดตราด) หัวหิน (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) จังหวัดภูเก็ต เกาะสมุย (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติ (ภูเขา/น้ำตก) เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดเชียงใหม่
สำหรับในด้านการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2565 โดยภาพรวมการใช้จ่ายต่อทริปเฉลี่ยลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลหลักจากการทำตลาดของผู้ประกอบการท่องเที่ยว และการปรับพฤติกรรมการเดินทางให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิดและกำลังซื้อ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่กลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด (โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังมีจำนวนไม่มาก) ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวยังมีความจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ด้านราคา เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการ เช่น โปรโมชัน 1 ฟรี 1 หรือแพ็กเกจที่พักราคาพิเศษ
ขณะเดียวกัน โครงการภาครัฐทั้งเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง ประกอบกับนักท่องเที่ยวบางส่วนเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับ จึงมีส่วนทำให้ค่าใช้จ่ายด้านที่พักและด้านอาหารของนักท่องเที่ยวไม่เร่งตัวขึ้นมากนัก แม้ราคาอาหารจะแพงขึ้น
ส่วนค่าใช้จ่ายการเดินทางก็ไม่เพิ่มขึ้นมาก แม้ราคาน้ำมันจะปรับสูงขึ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวปรับพฤติกรรมการท่องเที่ยว โดยเน้นการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้ และท่องเที่ยวใกล้ที่พักเป็นหลัก
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า ของฝาก ของที่ระลึก และทำกิจกรรมการท่องเที่ยวชะลอลง ตามการปรับลดกิจกรรมสันทนาการเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทยในปัจจุบันจะนิยมเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ จุดชมวิวเพื่อหามุมในการถ่ายภาพหรือคลิปวิดีโอเพื่อแชร์ลงในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและที่พักที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและมีการตกแต่งสถานที่ที่มีมุมให้นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายภาพจะมีความได้เปรียบกว่ากลุ่มอื่น
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP