×

ศูนย์วิจัยกสิกร เผย 52% ของคนเมืองที่มีรายได้สูงสนใจลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี แต่ส่วนใหญ่ยังลงทุนไม่เกิน 10% ของเงินออม

07.09.2021
  • LOADING...
Cryptocurrency

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยผลสำรวจการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีของคนไทยที่จัดทำกับกลุ่มตัวอย่างโฟกัสกรุ๊ป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพนักงานบริษัทเอกชนที่มีรายได้สูง อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยพบว่ากลุ่มตัวอย่างรู้จักคริปโตเคอร์เรนซีสูงถึง 69.4% มีคนสนใจลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมากถึง 52.0% และลงทุนจริงในปัจจุบันอยู่ที่ 24.3% ขณะที่กลุ่มตัวอย่างโฟกัสกรุ๊ปที่ยังไม่ได้ลงทุนจริงในปัจจุบันก็มีความสนใจที่จะลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีในอีก 1 ปีข้างหน้าราว 42.0% 

 

โดยปัจจุบันมีจำนวนบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยทั้งหมด 1,379,373 บัญชี ซึ่งน้อยกว่าบัญชีซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ราว 2.1 เท่า อย่างไรก็ดี บัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีอัตราการขยายตัวสูงถึง 27.6% ต่อเดือน ขณะที่บัญชีซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีอัตราการเติบโตเพียง 2.9% ต่อเดือน สะท้อนถึงความนิยมในการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในประเทศไทย

 

อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยังคงมีความเข้าใจเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีที่ค่อนข้างจำกัด โดยอาจเข้าใจว่าคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเพียงระบบการให้บริการทางการเงิน หรือรู้จักคริปโตเคอร์เรนซีในนามของบิทคอยน์ และมีไว้เพื่อการลงทุนหรือเก็งกำไรเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วคริปโตเคอร์เรนซีสามารถทำได้มากกว่านั้น อาทิ สามารถใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ สิทธิประโยชน์ รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ด้วยกัน

 

เมื่อถามถึงวัตถุประสงค์การลงทุน ภาพรวมกลุ่มตัวอย่างที่รู้จักคริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่ราว 26.6% คาดหวังว่าคริปโตเคอร์เรนซีจะสามารถนำมาเก็งกำไรระยะสั้นได้ ซึ่งบ่งชี้ในเบื้องต้นได้ว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีมุมมองต่อคริปโตเคอร์เรนซีในแง่ของสินทรัพย์ทางเลือกที่เน้นการเก็งกำไร และน่าจะมีการรับรู้ถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการลงทุน อันเนื่องมาจากความผันผวนของราคา

 

ผลการสำรวจยังพบด้วยว่า นักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีในกลุ่มตัวอย่างกว่า 76.3% สามารถรับได้หากเงินลงทุนจะหายไปมากกว่า 50% ภายใน 1 วัน ซึ่งสะท้อนความมั่นใจอีกมุมหนึ่งว่าราคาคริปโตเคอร์เรนซีจะสามารถผันตัวกลับมาได้โดยเร็ว 

 

ขณะเดียวกันมีนักลงทุนบางส่วนที่คาดว่าคริปโตเคอร์เรนซีจะสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ (18.6%) หรือสามารถทดแทนการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิม อาทิ หุ้น ตราสารหนี้ (16.3%) สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีในอนาคต สอดคล้องกับผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยอีกด้านหนึ่งว่า กลุ่มตัวอย่างที่ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่ราว 56.7% เปรียบการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีเหมือนเช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น

 

สำหรับเหตุผลที่นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี กลุ่มตัวอย่างราว 21% ตอบว่ามีความเชื่อมั่นว่าราคาจะขึ้นไปอีกเรื่อยๆ และคาดหวังที่จะได้ผลตอบแทนสูง อีก 11.5% ตอบว่าเห็นเพื่อนหรือคนรอบข้างลงทุนและได้ผลตอบแทนสูง และมี 9.0% ตอบว่าเพื่อนหรือคนรอบข้างชักชวนลงทุน ซึ่งจากเหตุผลต่างๆ ดังกล่าวสะท้อนถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดความเสียหายจากการลงทุนในตลาดสูง เนื่องจากความไม่เข้าใจในทิศทางตลาดที่อยู่ในภาวะความผันผวนสูง และอาจเป็นเป้าหมายต่อการถูกชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนแบบผิดกฎหมาย

 

อย่างไรก็ดี นักลงทุนส่วนใหญ่ก็ใช้เงินลงทุนจริงในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีไม่มาก โดยจากผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่ราว 48.5% ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของเงินออม นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดจากการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีได้ในระดับหนึ่ง หากตลาดเกิดความผันผวนรุนแรงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

 

โดยสรุปผลสำรวจพบว่า ท่ามกลางความนิยมในการลงทุนตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในไทย นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างเข้าใจในภาวะเสี่ยงจากการลงทุน แต่ขณะเดียวกันก็มีนักลงทุนบางส่วนที่อาจจะยังไม่เข้าใจถึงสภาวะเสี่ยงนั้น เพราะมีความคาดหวังและมีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับผลตอบแทนในระดับสูงต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ดี การจะลดความเสี่ยงจากภาวะความผันผวนในตลาดหรือสร้างโอกาสจากการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีจำเป็นต้องอาศัยทักษะความรู้ทางการเงินและความรู้เท่าทันต่อเทคโนโลยีดิจิทัลด้วย นับว่าเป็นโจทย์สำคัญต่อทั้งกลุ่มนักลงทุนและทางการ 

 

โดยนักลงทุนที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีควรต้องเร่งเสริมสร้างทักษะความรู้และความเข้าใจในเรื่องสกุลเงินดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเทรนด์เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่มีสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง 

 

ส่วนทางการก็อาจต้องเพิ่มแหล่งการเรียนรู้ที่จะเป็นสื่อกลางในการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น เพื่อลดความสูญเสียอันจะเกิดกับนักลงทุนในตลาด โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือนักลงทุนมือใหม่ที่มุ่งหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับสูง ท่ามกลางอัตราผลดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ที่จะยังอยู่ในระดับต่ำอย่างน้อยในอีก 1-2 ปีข้างหน้าตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย 

 


 

เตรียมพบกับฟอรัมที่ผู้บริหารต้องดูก่อนวางแผนกลยุทธ์ปีหน้า! The Secret Sauce Strategy Forum คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022


📌
เฟรมเวิร์กกลยุทธ์ใช้ได้จริง
📌
ฉากทัศน์เศรษฐกิจไทยโลก
📌
เทรนด์ผู้บริโภคการตลาด
📌
เคสจริงจากผู้บริหาร

 

ซื้อบัตรได้แล้วที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce

 

#TheSecretSauceStrategyForum2022

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X