วันนี้ (27 กันยายน) ที่รัฐสภา กรุณพล เทียนสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะรองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ว่า พรรคจะมีการประชุมกับ ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 อีกครั้ง เนื่องจากวันที่พรรคมีการประชุม ปดิพัทธ์ติดภารกิจอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยพรรคก้าวไกลได้แสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าต้องการรักษาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไว้ เพื่อผลักดันประเด็นต่างๆ ขับเคลื่อนรัฐสภา รวมถึงเพื่อตรวจสอบรัฐบาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคได้เช็กเสียงจาก สส. ของพรรคต่อกรณีนี้หรือไม่ กรุณพลกล่าวว่า จะมีการพูดคุยในวันพรุ่งนี้ โดยเราจะแจ้งต่อที่ประชุมว่าจะต้องการรักษาตำแหน่งใด โดยเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้รักษาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไว้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากประดิพัทธ์ไม่ต้องการลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 จะต้องขับออกจากพรรคหรือไม่ กรุณพลกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องอยู่ที่กรรมการบริหารพรรคว่ามีมติอย่างไร ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุย จึงทำให้ไม่สามารถตอบได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องได้ผู้นำฝ่ายค้านก่อนที่จะมีการเปิดการประชุมรัฐสภาสมัยหน้าใช่หรือไม่ กรุณพลกล่าวว่า ใช่ เนื่องจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านนั้นสามารถผลักดันประเด็นที่แหลมคม และตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างชัดเจนและเปิดเผย รวมถึงมีความเชื่อมโยงกับตำแหน่งประธานกรรมาธิการที่ไม่ได้มีสัดส่วนจากพรรคก้าวไกล และพรรคฝ่ายค้านอาจมีปัญหาในการตรวจสอบรวม การมีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านทำให้เราตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างดียิ่งขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยถึงการรักษาไว้ทั้งสองตำแหน่งหรือไม่ กรุณพลกล่าวว่า เป็นไปตามรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า พรรคที่มีผู้นำฝ่ายค้านจะไม่สามารถมีตำแหน่งประธานสภาหรือรองประธานสภาได้ ซึ่งกรรมการบริหารพรรคจะต้องวางแนวทางในการแก้ปัญหานี้ไว้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เสียดายตำแหน่งรองประธานสภาหรือไม่ กรุณพลกล่าวว่า จริงๆ ก็เสียดาย แต่เท่าที่มีการพูดคุยกันที่ผ่านมา ตั้งแต่ปดิพัทธ์เข้ารับตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ไม่เคยเข้าร่วมการประชุมใดๆ รวมถึงไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายหรือมติใดเกี่ยวกับพรรค ซึ่งตนเองมองว่าปดิพัทธ์เป็นคนนอกของพรรคก้าวไกลตั้งแต่เป็นรองประธานสภาแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคก้าวไกลต้องขับปดิพัทธ์ออกจากพรรคจริงๆ จะมีเหตุผลรองรับให้กับประชาชนใช่หรือไม่ กรุณพลกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอดูกรรมการบริหารพรรค ตนเองก็ได้ยินมา ปดิพัทธ์ต้องการที่จะทำให้รัฐสภาโปร่งใส ให้มีความทันสมัยเทียบเท่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว ทำสภาให้เป็นที่ของการรวมตัวของประชาชน สุดท้ายแล้วจะเป็นมติของที่ประชุมพรรคว่าจะเป็นอย่างไร สส. ก็จะไม่ไปก้าวล่วงกรรมการบริหารพรรค
“ถ้าส่วนตัวอยากเห็นหมออ๋อง (ปดิพัทธ์) เป็นรองประธาน เนื่องจากหมออ๋องต้องการให้สภาขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วและเป็นสภาที่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจาก 10 ปีที่ผ่านมา ประชาชนไม่ค่อยมั่นใจในตัวนักการเมืองเนื่องจากมีการทุจริตคอร์รัปชัน และสภาแห่งนี้มีงบประมาณหลายพันล้านต่อปี รวมถึงต้องบริหารจัดการบุคลากรกว่า 3,000 คน ต้องการทำงานที่กระชับ รวดเร็ว เป็นธรรมกับประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน คิดว่าหมออ๋องเหมาะกับการดูแลรัฐสภาแห่งนี้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คุ้มหรือไม่ที่จะต้องมีการลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภา เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และตำแหน่งนี้ตกเป็นของพรรคการเมืองอื่น กรุณพลกล่าวว่า หากเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เราไม่สามารถใช้คำว่าคุ้มหรือไม่คุ้มได้เนื่องจากเป็นข้อกำหนด สุดท้ายเรามีความจำเป็นที่ต้องเลือกเพียงตำแหน่งเดียว ขณะที่พรรคก้าวไกลมี สส. ถึง 151 คน การที่เราจะปล่อยให้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไปอยู่ในพรรคที่มี สส. หลักสิบ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และเป็นเรื่องที่ผิดจากความรู้สึกของประชาชน เมื่อพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ควรจะได้รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการขับปดิพัทธ์ออกจากพรรคไปอยู่พรรคใหม่ จะถือว่าเป็นพรรคสำรองของพรรคก้าวไกลหรือไม่ กรุณพลกล่าวว่า เรื่องนี้แล้วแต่มุมมอง หากมีการขับออกไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคพลังประชารัฐจะถือว่าเป็นพรรคสำรองของพรรคก้าวไกลหรือไม่ ดังนั้น นี่ไม่ใช่คำตอบ เป็นเพียงความเชื่อและความคิดเห็นของแต่ละคนเท่านั้น และตนเองไม่สามารถไปห้ามความคิดใครได้