วานนี้ (28 มิถุนายน) คารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งได้ผู้ผ่านการคัดเลือกเป็น สว. ครบแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการคัดเลือก
คารมกล่าวว่า การที่จะกล่าวหาว่ามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลังสนับสนุนผู้ผ่านการคัดเลือก สว. ต้องดูข้อเท็จจริง ไม่ใช่กล่าวหาลอยๆ จนทำให้ระบบเสียหาย ทั้งนี้ ผู้ที่ลงเลือกสรร สว. ทุกคนทำตามกฎระเบียบของ กกต. เมื่อไม่ได้รับเลือกสรร ขออย่าตีโพยตีพาย ต้องยอมรับผลการคัดสรร
จากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา บางคนลงสมัครแล้วไม่ได้รับเลือกสรรก็มาพูดว่ารัฐธรรมนูญไม่ดี พูดว่าระบบไม่ดี พอได้รับเลือกก็อ้างว่าเป็น สว. ฝั่งประชาธิปไตย ทั้งที่ก็มาจากกฎหมายเดียวกัน
ซึ่งตนเองจำได้ว่าในยุคที่สมาชิกวุฒิสภาให้มีการเลือกในแต่ละจังหวัดก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นสภาผัวเมีย จริงๆ การเลือกตั้ง สส. หรือ สว. ทุกระดับก็มาจากกฎหมายแม่บทคือรัฐธรรมนูญทั้งนั้น ถ้าจะโทษคุณก็ต้องโทษรัฐธรรมนูญ คนที่เขากล้าลงสมัครในกลุ่มอาชีพต่างๆ เขาต้องศึกษา ต้องดูว่าเขามีเพื่อน มีคนรู้จัก พอที่จะเลือกเขาไหม เพราะวิธีการเลือกก็คือเลือกในกลุ่มตัวเองและเลือกไขว้กัน
กรณีที่ระเบียบว่าไม่ให้เลือกตัวเอง เขาก็ไม่เลือกได้ เพราะถ้าเขาเห็นว่าเขาไม่น่าจะได้รับเลือก เขาอาจลงคะแนนให้คนอื่น หรือคนที่รู้จักก็ได้ เพื่อให้คนนั้นได้รับการคัดสรรเป็น สว.
คารมกล่าวต่อว่า สมาชิกวุฒิสภาชุดนี้ไม่มีส่วนในการเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคการเมืองจะมาเอาประโยชน์อะไร แทบมองไม่ออก ส่วนหน้าที่ในการกลั่นกรองกฎหมายคือหลักการของสภาสูงเหมือนกันทั่วโลก และกฎหมายก็ต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาก่อน วุฒิสภาไม่ได้มีอำนาจโดยตรง และกฎหมายก็ต้องใช้บังคับกับคนทั้งประเทศ
การที่มีการกล่าวหาสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ทั้งที่เข้ามาใหม่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน ดูจะไม่เป็นธรรมกับสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่เลย หรือจะให้สมาชิกวุฒิสภาชุดเดิมอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งมีการมาแบ่งว่าสมาชิกวุฒิสภามีฝ่ายประชาธิปไตย แบ่งเป็น สว. สีส้ม สีน้ำเงิน สีแดง ยิ่งทำให้ภาพความขัดแย้งไม่เลือนหายไป การแบ่งสีแบ่งข้าง ไม่เห็นจะมีประโยชน์ต่อบ้านเมืองตรงไหน พอจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมกลับมาบอกว่าไม่ควรแบ่งข้างแบ่งสี เราควรก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว
“สมาชิกวุฒิสภาชุดนี้เข้ามาตามกติกาที่เขียนไว้ อย่าเลือกเฉพาะที่ตนเองได้ประโยชน์ พอชนะบอกว่าสู้ทุกกติกา แต่พอแพ้บอกว่าสู้เงินไม่ได้ กติกาไม่เอื้อ” คารมกล่าว