ภาพคนหามผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่ทหารเมียนมาส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดนี้เกิดขึ้นที่ฝั่งเมียนมา และบันทึกโดยชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ เป็นเหตุให้ราษฎรกะเหรี่ยงต้องอพยพหนีตายมาที่ฝั่งไทย
วันนี้ (29 มีนาคม) ราษฎรกะเหรี่ยงในเขตอิทธิพลของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ยังคงหนีออกจากหลายหมู่บ้านในพื้นที่เขตอิทธิพลของกองพลน้อยที่ 5 จังหวัดผาอ่าง รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา หลังจากที่กองทัพเมียนมาปฏิบัติการทางอากาศโดยใช้เครื่องบินรบทิ้งระเบิดลงฐานที่มั่นของ KNU และหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยง ด้านเหนือของอำเภอสบเมย และตรงข้ามพื้นที่ตำบลแม่สามแลบ จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยช่วงเวลาบ่ายถึงค่ำของวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ราษฎรกะเหรี่ยงกว่า 4,000 คนไปอยู่ในการควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ไทยในพื้นที่ตำบลแม่สามแลบ โดยเป็นการควบคุมไว้ชั่วคราว ขณะที่ราษฎรกะเหรี่ยงอีกจำนวนมากอาศัยอยู่ในป่าริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน เขตประเทศไทย และริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน เขตประเทศเมียนมา รวมทั้งหมดเกือบ 5,000 คน ส่วนการสู้รบนั้น ทหาร KNU ได้เข้าไปโจมตีฐานทหารเมียนมาในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน
ล่าสุดวันนี้มีราษฎรกะเหรี่ยงเสียชีวิต 1 คน เป็นเด็ก และได้รับบาดเจ็บ 1 คน รวมผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คน และผู้ได้รับบาดเจ็บสะสมอีกจำนวนมากหลังเหตุการณ์ ซึ่งชาวบ้านกะเหรี่ยงต้องช่วยนำผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากฝั่งเมียนมา
ขณะที่กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนกะเหรี่ยงตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ออกหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาที่ไม่ชอบธรรมหยุดปฏิบัติการทางอากาศ เพราะมีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นประชาชน ไม่ใช่ทหาร รวมทั้งให้ทหารเมียนมาในพื้นที่ริมฝั่งสาละวินกลับที่ตั้งจังหวัดผาปูนทั้งหมด ให้ทุกฝ่ายให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงครามด้วย นอกจากนี้ขอให้นานาชาติดำเนินคดีกับ พล.อ. มินอ่อง หล่าย หัวหน้าคณะรัฐประหาร โดยนำขึ้นพิจารณาคดีต่อศาลโลก
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์