“มาไกลเกินครึ่งทางไปมากแล้ว”
สำหรับการวิ่งของ พี่ตูน บอดี้สแลม หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย ในโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ
วันนี้ถึงก้าววิ่งที่เกิดจากความเชื่อ ความฝัน ของ ตูน บอดี้สแลม จะมาไกลมากแล้ว แต่เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงจุดเริ่มต้นของการวิ่งระดมทุนนับตั้งแต่ครั้งแรก กับการวิ่ง 10 วัน 400 กิโลเมตร กรุงเทพ – บางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปลายปีที่แล้ว ‘โอ๊ค บิ๊กแอส’ พงศ์พันธ์ พลสิทธิ์ เผยความรู้สึกในฐานะผู้เป็นเจ้าของภาพวาดชื่อ ‘Blackened’ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของสัญลักษณ์โครงการ ‘ก้าว’ ว่านักร้องร็อกรุ่นน้องนั้นเป็นคนประเภทที่ต้องใช้ทั้งร่ายกายและหัวใจพิสูจน์ความเชื่อของตัวเองมาตลอด ทั้งเรื่องของความฝันทางดนตรี หรือแม้กระทั่งการวิ่ง! ขณะเดียวกัน THE STANDARD ก็ชวนเขาย้อนเวลากลับไปสู่จุดเริ่มต้นของโครงการ ‘ก้าว’ อีกครั้งในฐานะผู้เป็นเจ้าของภาพวาดเป็นต้นแบบโลโก้ ‘ก้าว’ คนละก้าวที่คนทั้งประเทศคุ้นตา
BEGINS: กลับไปที่จุดเริ่มต้น
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว 28 พฤศจิกายน 2016 ก่อนการวิ่งในโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อโรงพยาบาลบางสะพาน จะเริ่มต้นอีกเพียง 3 วัน ตูน บอดี้สแลม หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @artiwara ของเขาไว้ว่า
ขอบพระคุณ ‘Blackened’ ผลงานโดย พงศ์พันธ์ พลสิทธิ์ (โอ๊ค บิ๊กแอส) งานศิลปะที่เป็นแรงบันดาลใจของสัญลักษณ์โครงการ ‘ก้าว’ “นาทีแรกที่ผมเห็นผลงานชิ้นนี้ ผมมองเห็นตันไม้ต้นใหญ่ที่ยังคงยืนต้นหยั่งรากลึก รอคอยวันที่เจ้านกทั้งสี่จะออกบินกลับคืนสู่รวงรัง กลับมาช่วยทำให้ต้นไม้ต้นนี้กลับคืนสู่ชีวิตและชีวาดังเดิม”, ตูน บอดี้สแลม
นั่นถือเป็นครั้งแรกที่คนในประเทศได้ทราบว่าแรงบันดาลใจของโลโก้ ‘ก้าว’ นั้นมีที่มาจากใคร…แต่ในเวลาเดียวกัน อีกแง่มุมในฐานะผู้เป็นเจ้าของผลงาน ‘โอ๊ค บิ๊กแอส’ มือเบสรุ่นพี่เองก็มีความทรงจำต่อนักร้องรุ่นน้องที่อยากจะเล่าต่อด้วยเช่นกัน
“ปกติผมเป็นคนที่เวลาวาดรูปอะไรก็จะชอบโพสต์ลงในอินสตาแกรม ซึ่งผมกับตูนเราอยู่กลุ่มเดียวกัน ติดตาม IG กันอยู่ แล้วตูนเองเขาก็ชอบให้ผมช่วยออกแบบลายสักให้เป็นประจำ
“อยู่มาวันหนึ่ง ผมก็โพสต์ภาพต้นไม้นี้ลงไปใน IG ซึ่งปกติแล้วตูนเขาจะไม่ค่อยคอมเมนต์ภาพของใครง่ายๆ แต่วันนั้นเขาคอมเมนต์มาว่า ‘สวยมาก’ พอเห็นผมก็รู้สึกว่าวันนี้มาแปลกเว้ย ปกติมึงไม่เคยคอมเมนต์ (หัวเราะ) ซึ่งตอนนั้นก่อนจะเกิดโครงการ ‘ก้าว’ ครั้งแรก สักประมาณ 2-3 เดือน
“หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 2-3 เดือน ตูนก็มาหาผมที่สตูดิโอทำงาน แล้วเขาก็เอ่ยถึงโปรเจกต์นี้ให้ฟังว่า ผมอยากจะวิ่งพี่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า ตูนเล่าว่าเขามีบ้านอยู่ที่บางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แล้วมีโอกาสได้ไปโรงพยาบาลบางสะพาน สภาพมันแย่มาก แต่ผมไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยคิดขึ้นมาว่าเดี๋ยวผมจะลองทำโครงการวิ่งดู ซึ่งในความคิดตอนนั้นยังไม่ได้เป็นอะไรที่ใหญ่โต เขาแค่อยากจะวิ่งเฉยๆ โดยไม่บอกใคร แค่อยากเรี่ยไรเงินตามทางไปเรื่อยๆ เพื่อจะนำเงินตรงนั้นไปช่วยโรงพยาบาลบางสะพาน
“ตูนบอกว่า ผมชอบภาพนี้ของพี่มากเลย ผมรู้สึกว่าความหมายของภาพนี้มันเหมือนกำลังบอกในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ ในภาพนี้ผมเห็นว่านกมันกำลังออกจากรัง จากต้นไม้ เพื่อจะไปหาอาหารหรือสิ่งดีๆ กลับมา เพื่อที่จะสร้างสิ่งที่มันใหญ่โต ซึ่งก็เข้ากับสิ่งที่เขาคิดไว้พอดีกับโครงการ ‘ก้าว’ เขาก็เลยเอ่ยขึ้นมาว่าผมขอภาพนี้แล้วกัน ผมจะเอาไปใช้เป็นตัวโลโก้เลย พี่คิดว่าไง ผมบอกทันทีว่า เอาเลย! เอาภาพนี้ไปใช้ได้เลยเต็มที่ เพราะตอนฟังคอนเซปต์ของโครงการนี้ครั้งแรกผมยังตื่นเต้นแทนเขาเลย อีกอย่าง ผมรู้สึกว่าถ้าเขาทำได้มันจะเป็นกุศลด้วย เป็นบุญที่ใหญ่มาก ที่เขาจะออกมาทำเพื่อคนอีกหลายคน
“พอผมให้ภาพไป เขาก็ให้ทีมกราฟิกไปช่วยในการวางภาพอีกทีหนึ่ง เพื่อให้เกิดเป็นโลโก้ของโครงการ ‘ก้าวคนละก้าว’ ที่สมบูรณ์”
ไม่ใช่แค่ภาพ แต่ตัวอักษร ‘ก้าวคนละก้าว’ นั่นก็ลายมือของเขาด้วยเช่นกัน
“จำได้ว่าวันนั้นตูนบอกว่า เฮ้ยพี่ เขียนตัวอักษรให้หน่อย พี่ออกแบบโลโก้แล้ว ตัวอักษรคำว่าก้าวก็ต้องใช้ลายมือพี่ด้วยนะ (หัวเราะ) ตอนแรกผมก็เขียนไปให้ 4-5 แบบ พอส่งไปเขาก็โทรกลับมาว่า มันน่าจะต้องเป็นลายมือที่พี่เขียนแบบปกติ พอเขาบอกเสร็จ ผมก็เลยลองใช้ปากกาที่หัวคล้ายๆ ปลายพู่กันจีน เขียนคำว่า ‘ก้าวคนละก้าว’ ออกมา แล้วเอาไปให้ตูน ซึ่งเขาก็ชอบ บอกว่าถ้างั้นผมใช้อันนี้เลยแล้วกันพี่ โอเค งั้นเอาเลย!”
เมื่อผลงาน Blackened! และลายมือของตัวเอง กลายเป็นโลโก้ที่เดินทางจากใต้สุดสู่เหนือสุด พร้อมกับร็อกเกอร์สายวิ่ง! ที่คนไทยกำลังรักมากที่สุด
“ทุกครั้งที่ผมเห็นทั้งภาพโลโก้ที่เป็นรูปนกกับต้นไม้และตัวอักษรคำว่า ‘ก้าวคนละก้าว’ มันรู้สึกภูมิใจมากนะครับที่เรามีส่วนร่วมในสิ่งที่เขาทำอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นส่วนน้อยนิดที่เราพอจะช่วยเขาได้ เพราะโครงการนี้ตัวเขาเองเป็นคนที่สำคัญที่สุด เหนื่อยที่สุด ในการจะต้องวิ่งไกลขนาดนี้
“ผมจำได้เลยว่าครั้งแรกที่โลโก้นี้ถูกปล่อยออกไป ผมก็ไลน์ไปบอกตูนว่า เราขอบคุณมากนะที่เขาเอาภาพนี้ไปใช้เป็นโลโก้ เรารู้สึกภูมิใจจริงๆ ผมว่าความจริงมีคนเก่งๆ หลายคนนะที่สามารถออกแบบโลโก้นี้ให้ตูนได้ แต่เขาเห็นภาพของผมแล้วนึกอะไรออก อยากจะเอาสิ่งนี้ไปใช้ ยิ่งเราเห็นโครงการนี้มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผมความรู้สึกตรงนี้มันมากกว่าเงินทอง มากกว่าสิ่งของอะไรทั้งนั้น”
ครั้งแรกที่ได้ยินจากปากนักดนตรีรุ่นน้องว่า “ผมจะวิ่งระดมทุน” 400 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ไปบางสะพาน
“ผมไม่เชื่อ เฮ้ยมึงบ้ามากว่ะ (หัวเราะ) ผมบอกว่ามึงเอาจริงเหรอเนี่ย จะวิ่งกันถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ตูนเขาก็บอกว่าผมจะลองดูพี่ ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่จะลองดู ผมก็เลยถามต่อว่าวิ่งแบบนี้มันเซฟขนาดไหน ตูนเขาก็บอกว่าผมเตรียมตัวมาดี ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ใช่นักกีฬาอาชีพ ไม่เคยวิ่งมาราธอนขนาด 400 กิโลเมตรมาก่อน แล้ววิ่งติดกัน 10 วันเต็มๆ มันเป็นอะไรที่โหดมาก ตอนแรกผมเลยคิดว่าจะไหวเหรอ แต่ผมก็เห็นถึงความตั้งใจ เพราะตูนเขามีความเชื่อมั่น
“จำได้ว่าตอนวิ่งวันที่ 5-6 ผมเห็นตูนแล้วสงสารเลย เขาดูเหนื่อยมาก แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้ ผมดีใจแทนเขาครับ”
ครั้งแรกที่ทราบว่านักดนตรีรุ่นน้องจะวิ่ง 2,000 กิโลเมตร จากเบตง-แม่สาย
“โอ้โห ตอนได้ยิน เฮ้ย ใจมึงได้จริงว่ะตูน (หัวเราะ) แต่เขาก็บอกว่าผมเตรียมตัวครั้งนี้มาดี แล้วเขาก็เล่าให้ฟังว่าไปซ้อมวิ่งต่อกันมา 2 วัน เข้าไปเช็กสภาพร่างกายถึงอเมริกาว่าแข็งแรงพอไหม ซึ่งเขาก็บอกอีกว่าถ้าเขาไม่ไหว เขาก็เดิน เขาจะไม่ฝืนร่างกายขนาดจะทำให้ตัวเองเจ็บ พอได้ยินแบบนี้ ผมว่าเขาน่าจะทำได้ เพราะส่วนตัวแล้วเขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น คิดจะทำอะไรแล้วก็มักจะทำได้ครับ”
อะไรคือพลังของ ตูน บอดี้สแลม ที่ทำให้ความเชื่อ ความมุ่งมั่นส่วนตัว สามารถทำให้เพื่อนและผู้คนรอบข้าง กระทั่งล่าสุดคือคนไทยทั้งประเทศ ‘เชื่อ’ ในสิ่งเดียวกับเขา
“ผมคิดว่าตูนเขาพิสูจน์ทุกอย่างที่คนคิดว่าเขาทำไม่ได้มาตลอด สุดท้ายเขาก็ทำได้ มันเลยทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาจะทำได้ ผมคิดว่าเขาเป็นคนประเภทที่แอ็กชันมากกว่าสปีก เขาพูดน้อย แต่เขาต่อยหนัก แล้วทุกครั้งไม่ว่าเขาทำอะไร เขาทำจริงจัง
“ผมเจอเขาตั้งแต่ตอนทำอัลบั้มชุดแรก เด็กคนนี้แบบ…ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะว่าเขาจะมาได้ถึงขนาดนี้ เมื่อเทียบกับปัญหาต่างๆ นานา ที่เขาเคยเจอมา กระทั่งมาถึงวันนี้ สิ่งที่เขาเชื่อ เขาก็ทำได้มาโดยตลอด เช่นเดียวกับเรื่องการวิ่ง จากครั้งแรก 400 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ ไปบางสะพาน ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็ทำได้ มันเลยส่งให้พอถึงการวิ่งคราวนี้ คนมากมายเลยเชื่อว่าเขาจะทำได้ เพราะเขาพิสูจน์ตัวเองมาครั้งแล้วครั้งเล่า”
การวิ่งในโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ยังไม่จบ คนไทยทั้งประเทศยังคงร่วมบริจาคได้อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเช็กช่องทางบริจาคทั้งหมดซึ่งมีวิธีอยู่มากมาย และสำคัญที่สุดคือติดตามยอดเงินบริจาคแบบเรียลไทม์นาทีต่อนาทีได้ที่เว็บไซต์ www.kaokonlakao.com และติดตามข่าวสารใหม่ๆ ได้ทางเพจหลักทางเฟซบุ๊ก ก้าว