วานนี้ (18 สิงหาคม) กัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม และ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส. กรุงเทพมหานคร และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ถึงประเด็นการประชุมวิป 3 ฝ่าย และโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
กัณวีร์เปิดเผยว่า ตนเองได้เข้าร่วมประชุมวิป 3 ฝ่าย ซึ่งมีตัวชี้วัดที่น่าแปลกใจ คือ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยังไม่ทราบว่าจะเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการโหวตรอบ 3 วันที่ 22 สิงหาคมนี้ แม้กระทั่งพรรคการเมืองที่จะร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ไม่ทราบเช่นกัน
กัณวีร์ระบุว่า ตนเองต้องการเข้ามาทำให้การเมืองไทยเป็นไปด้วยความโปร่งใสตามกลไกของระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดใจ และไม่ทราบว่าอนาคตของประเทศจะเดินต่อไปอย่างไร
กัณวีร์มองว่า การเป็นนักการเมืองตอนนี้อยู่ในจุดเชื่อมต่อประวัติศาสตร์การเมืองไทย ฉะนั้นต้องทำให้ตรงไปตรงมา เพราะประชาชนกำลังจับตามองกับการกระทำของนักการเมืองทุกฝ่าย
“พรรคเป็นธรรมยืนยันว่าต้องไปด้วยกัน (อยู่ฝ่ายเดียวกับก้าวไกล) เพราะยังเชื่อมั่นว่ามติมหาชนจะเป็นแหล่งที่มาที่เดียวในการสถาปนาอำนาจรัฐ ถ้ายังไม่ยึดมั่นตรงนี้ไว้ การเมืองบิดเบี้ยวแน่นอน ต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจจริงๆ” กัณวีร์ขยายความ
ขณะที่ณัฐชากล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลและโหวตแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยนั้น อยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ (พรรค 2 ลุง) ว่าจะแสดงความจริงใจต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ฉะนั้น หากพรรค 2 ลุงมีความจริงใจ เชื่อว่าอย่างไรก็โหวตนายกฯ ผ่านแน่นอน ถ้าไม่จริงใจก็จะได้แค่เสียงจากคนในพรรค ส่วนกลุ่มพรรค 2 ลุงก็จะส่งสัญญาณให้ สว. รอแผนอื่นๆ เพื่อโหวตให้แคนดิเดตกลุ่มดังกล่าวเป็นนายกฯ เสมือนแผนกลโกงที่ช่วงชิงพรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลเอง
“ขอฝากพรรคเพื่อไทยว่า นี่คือแผนการตั้งแต่เริ่มต้น (ของ สว.) อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อไทยจะคบเพื่อนที่ดี ต้องคบเพื่อนที่จริงใจมากกว่านี้ ถ้าไม่จริงใจ เพื่อนแบบนี้น่าคบหรือเปล่า” ณัฐชาระบุเพิ่ม
สำหรับพรรคก้าวไกลจะมีการประชุม สส. พรรคในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ เพื่อหารืออีกครั้งว่าจะโหวตนายกฯ รอบ 3 ด้วยการไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียง ซึ่งแนวโน้มตอนนี้น่าจะเป็นไม่เห็นชอบ
ณัฐชากล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลไม่ตัดทอนความหวังของประชาชน แม้จะมีความโกรธ แต่ก็ไม่สายที่พรรคเพื่อไทยจะหันกลับมาจับมือกับ 8 พรรคร่วมเดิม ขอเพียงกล้าตัดสินใจ ประชาชนพร้อมให้อภัย
ส่วนการที่บางคนของพรรคก้าวไกลวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยนั้น คือการพูดให้คิดก่อนถลำลึกไปไกล ซึ่งทำไปด้วยความปรารถนาดี