×

เลือกตั้ง 2566 : รู้จัก ‘กัณวีร์ สืบแสง’ ปาร์ตี้ลิสต์หนึ่งเดียวจากพรรคเป็นธรรม ที่พิธาชวนร่วมรัฐบาลก้าวไกล

โดย THE STANDARD TEAM
15.05.2023
  • LOADING...
กัณวีร์ สืบแสง

วันนี้ (15 พฤษภาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวที่พรรคก้าวไกล หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ สรุปว่าพรรคก้าวไกลได้จำนวน ส.ส. เป็นอันดับ 1 ว่าเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพี่น้องประชาชนได้แสดงเจตจำนงผ่านคูหาเลือกตั้งให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนเป็นอันดับ 1 จึงขอประกาศว่าพรรคก้าวไกลพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล น้อมรับฉันทมติของพี่น้องประชาชน พลิกขั้วเปลี่ยนข้างจากฝ่ายค้านเดิมในการจัดตั้งรัฐบาล

 

พิธากล่าวว่า ตนเองได้โทรศัพท์ติดต่อไปหาแกนนำทั้งหมด 5 พรรคการเมือง ทั้งที่เป็นฝ่ายติดต่อไปและแกนนำของพรรคเหล่านั้นได้ติดต่อมาที่พรรคก้าวไกล ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเสรีรวมไทย ที่จะรวมกันเป็น 308 เสียง และกำลังติดต่อไปยังพรรคเป็นธรรม ซึ่งจะทำให้รวมเป็น 309 เสียง คิดว่าเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ปิดประตูการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทุกฝ่ายต้องน้อมรับฉันทมติจากพี่น้องประชาชน

 

ทำให้หลายคนโฟกัสมาที่ชื่อพรรค ‘เป็นธรรม’ ซึ่งมี กัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรค ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน เป็น ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์หนึ่งเดียวของพรรค

 

กัณวีร์คือใคร?

 

สำหรับกัณวีร์ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์การทำงานด้านมนุษยธรรมจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees: UNHCR) ผ่านการทำงานในช่วงเวลา 12 ปี ใน 8 ประเทศ เช่น ซูดาน, ซูดานใต้, ยูกันดา, บังกลาเทศ, เมียนมา และไทย ที่ดูแลปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบชาวเมียนมาในไทย และล่าสุดจบภารกิจในตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ UNHCR ประจำประเทศเมียนมา และก่อนหน้านั้นเคยรับราชการในสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในสำนักความมั่นคงกิจการชายแดนและการป้องกันประเทศ

 

เริ่มต้นเส้นทางการเมืองกับสุดารัตน์

 

เมื่อปี 2565 กัณวีร์เริ่มต้นงานการเมืองกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้รับการวางตัวให้เป็นว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตสวนหลวง-ประเวศ กรุงเทพมหานคร แต่ยังไม่ได้ลงสมัคร เขาได้ตัดสินใจลาออกในปีเดียวกัน ก่อนที่จะลงมาทำงานภาคประชาชนในนามมูลนิธิสิทธิเพื่อสันติภาพ โดยเป็นประธานมูลนิธิ ขับเคลื่อนด้านสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนใต้ และประเด็นเรื่องผู้ลี้ภัย

 

กัณวีร์เคยเปิดใจกับสื่อมวลชนว่า “ผมเป็นคนชอบการเมืองมาตั้งแต่เด็กที่เรียนด้านรัฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เคยผิดหวังและหมดหวังกับการเมืองไทย เพราะคิดว่าอาจทำอะไรไม่ได้ เพราะรับราชการมาหลายปีคิดว่าจะทำงานเพื่อประชาชนได้ แต่ผมเติบโตในช่วงรัฐประหารมายาวนานจากรัฐราชการที่ทำอะไรเพื่อประชาชนได้ไม่มาก จึงตัดสินใจสมัครไปทำงาน UNHCR ไปสร้างโลกให้คนที่หนีตายจากระบบที่ล่มสลาย ไปช่วยกลุ่มคนกว่า 60 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งผมได้ช่วยสร้างระบบสังคมเศรษฐกิจ ครอบครัวให้กับคนเหล่านั้นจากลบกลายเป็นบวก”

 

กัณวีร์เปิดเผยว่า เหตุผลที่อยากมาทำงานการเมือง เพราะอยากจะนำประสบการณ์ในการช่วยเหลือผู้คนเหล่านี้มาร่วมสร้างไทย ซึ่งการตัดสินใจสำคัญมาจากระหว่างทำงานอยู่ที่สำนักงานเมืองพะอัน เมียนมา ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2564 เห็นการเปิดตัวพรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้ฟังแล้วชื่นชอบนโยบายพรรค โดยเฉพาะนโยบายสำคัญที่พูดถึง 4 คำสำคัญ คือ Liberate, Empower, Facilitate, Support ทำให้มีหวังกับการเมืองไทย จึงอยากกลับมาทำงานการเมือง เพราะ 4 คำนี้จะแปลงไปสู่การปฏิบัติได้ ซึ่งจะปลดปล่อยประชาชนจากรัฐราชการ โดยการเสริมอำนาจให้กับคนเล็กคนน้อยสามารถที่จะกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ในทางการเมือง โดยรัฐมีหน้าที่อำนวยความสะดวกและสนับสนุนประชาชนคนไทยให้เข้าถึงระบบสาธารณะให้ได้

 

กัณวีร์กล่าวว่า เขาสร้างโลกมา 12 ปีแล้ว ไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่นมาหลายประเทศ ในพื้นที่สงครามความขัดแย้ง ทั้งสงครามกลางเมืองและสงครามความอดอยาก ทำให้อยากกลับมาช่วยคนตัวเล็กตัวน้อยให้กำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ จึงอยากจะมาทำงานการเมืองไทย และนำประสบการณ์ที่อยากทำงานด้านสันติภาพ ที่ต้องการเห็นสันติภาพกินได้ และต้องการนำมนุษยธรรมมานำการเมือง

 

สันติภาพกินได้-มนุษยธรรมนำการเมือง

 

กัณวีร์เปิดเผยว่า นโยบายสันติภาพที่กินได้หมายถึงการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนที่จะเป็นไปได้ ต้องเริ่มจากการวางรากฐานที่มั่นคงในชีวิตของคนตัวเล็กตัวน้อยจำนวนมากในระดับฐานราก ซึ่งเกี่ยวพันกับการทำให้ผู้คนกินอิ่ม นอนหลับ และได้รับการเสริมอำนาจในการพึ่งพาตนเองทางเศรษฐกิจอย่างสอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรม และไม่ทำลายฐานทรัพยากรที่เป็นต้นทุนสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชน เพื่อให้อำนาจทางเศรษฐกิจกระจายไปอยู่ในมือคนตัวเล็กตัวน้อยและชุมชนฐานราก กระทั่งพวกเขาสามารถร่วมกำหนดอนาคตตามความฝันของตนเองได้ไม่น้อยไปกว่าทุนขนาดใหญ่ ข้าราชการ และคู่ขัดแย้งในการเมืองแต่ละระดับ 

 

ส่วนนโยบายมนุษยธรรมนำการเมือง เราต้องเปลี่ยนการเมืองที่ติดกับดักความขัดแย้งมาหลายปีให้เป็นการเมืองที่สร้างสรรค์ โดยใช้หลักมนุษยธรรมนำหน้า หลักที่ว่านี้คือการคำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลางในการพิจารณา การเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายผลประโยชน์ต่างๆ การจัดลำดับความสำคัญ เนื่องจากทรัพยากรที่มีจำกัดเมื่อเทียบกับปัญหาต่างๆ และสุดท้ายการเป็นอิสระไม่ผูกติดกับกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งสิ่งเดียวที่เราเป็นอิสระไม่ได้คือ ‘ประชาชน’

 

“การทำงานด้านมนุษยธรรมเป็นการทำงานในภาวะฉุกเฉิน การใช้หลักมนุษยธรรมนำการเมืองแสดงว่าการเมืองไทยเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินแล้ว เราผ่านความขัดแย้งมายาวนาน จำเป็นต้องหาหลักการอันใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลง เราเห็นระบบราชการนำการเมืองไทย โดยผ่านการรัฐประหารที่ซ้ำซ้อน ต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งการนำหลักมนุษยธรรมที่ให้คุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มองประชาชนเป็นศูนย์กลางนี่แหละครับ จะนำการเมืองไทยออกจากวิกฤตนี้”

 

ในเวลาต่อมากัณวีร์ได้ย้ายมาร่วมงานกับพรรคเป็นธรรม ในตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค และรองหัวหน้าพรรค ก่อนจะขึ้นสู่ตำแหน่งเลขาธิการพรรค

 

ขอบคุณพิธา ชวนร่วมรัฐบาลก้าวไกล

 

กัณวีร์เปิดเผยล่าสุดในวันนี้ว่า ในฐานะผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเป็นธรรม ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของประชาชนที่เลือกพรรคเป็นธรรม ซึ่ง กกต. ได้ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่า พรรคเป็นธรรมได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่ง

 

ผมขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่เลือกพรรคเป็นธรรม ผมจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนของประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง

 

กัณวีร์ยืนยันว่าจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนของประชาชน ตามที่ได้ประกาศนโยบายไว้ภายใต้หลักการมนุษยธรรมนำการเมือง การกระจายอำนาจ จังหวัดจัดการตนเอง ยกระดับกระบวนการสันติภาพปาตานี 

 

กัณวีร์ยังได้ขอบคุณ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ที่กล่าวเชิญพรรคเป็นธรรมร่วมรัฐบาล ในฐานะว่าที่ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม ผมยินดีร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ที่มีอุดมการณ์เพื่อประชาธิปไตย และมีนโยบายที่ตรงกันในหลายด้าน จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนร่วมกันต่อไป

 

ที่ผ่านมากัณวีร์มีบทบาทในการนำเสนอนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน นโยบายระหว่างประเทศ และการสร้างสันติภาพชายแดนภาคใต้/ปาตานี จนเป็นที่ยอมรับ และพิธาได้กล่าวถึงความสามารถและนโยบายสิทธิมนุษยชนและสันติภาพที่สนใจให้มาร่วมงานกับรัฐบาลพรรคก้าวไกล

 

ส่วนพรรคเป็นธรรมเป็นพรรคใหม่ มี ปิติพงศ์ เต็มเจริญ เป็นหัวหน้าพรรค, กัณวีร์ สืบแสง เป็นเลขาธิการพรรค และเป็นผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ส่งผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขต ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X