วันนี้ (4 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาวาระรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล กัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเป็นธรรม กล่าวก่อนเริ่มประชุมว่า ตนเชื่อว่าการประชุมในวันนี้จะไม่ล่ม แต่การลงมติช่วงสุดท้ายต้องมาดูผลว่าเราจะยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ได้หรือไม่ ส่วนตัวมองว่ามาตราดังกล่าวควรจะมีการพิจารณาแก้ไข หรือยกเลิกนานแล้ว เพราะเป็นกลไกหนึ่งที่ขัดขวางการเดินหน้าระบอบประชาธิปไตย
พรรคเป็นธรรมชัดเจนว่าเราพร้อมจะสนับสนุนการยกเลิกมาตรา 272 ตามที่พรรคก้าวไกลได้เสนอ เราเห็นว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรก การที่มีมาตรา 272 อยู่ ซึ่งทำให้มีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ทำให้เราไม่สามารถโหวตแคนดิเดตนายกฯ ได้สำเร็จ
เมื่อถามว่าขณะนี้การเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปเนื่องจากรอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกจากการยกเลิกมาตรา 272 หรือไม่ กัณวีร์ระบุว่า แน่นอนว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง อาจจะเป็น Return of Pita ก็ได้ หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินแล้วเราก็อาจจะเอา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กลับมาสู่กระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีต่อได้ เพราะวันนั้นที่มีปัญหาคือในส่วนข้อบังคับข้อที่ 41 ที่ระบุว่าที่ประชุมไม่สามารถเสนอญัตติเดิมซ้ำได้
แต่ครั้งนี้จะทำให้เห็นว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ญัตติในส่วนนั้น นั่นจึงจะทำให้มีโอกาสที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เช่นเดิม
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการพูดคุยหาเสียงสนับสนุนจากฝ่าย สว. กัณวีร์กล่าวว่า มีการพูดคุยพยายามอย่างต่อเนื่อง ขอให้ลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งเท่าที่ทราบยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก
เมื่อถามว่าการจะแก้ไขมาตรา 272 จะต้องมีการทำประชาพิจารณ์ ไม่สามารถจะทำการแก้ไขในที่ประชุมได้ กัณวีร์กล่าวว่า การประชุมเป็นอีกหนึ่งทางในการสำรวจเสียงความเห็นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ถ้าถามว่าการทำประชาพิจารณ์จำเป็นไหม ก็ถือว่าจำเป็น แต่ในเมื่อขณะนี้การเมืองสามารถเดินหน้าต่อไป ทางเลือกต่างๆ ก็จะต้องถูกนำมาใช้ทุกทาง
สำหรับการออกมาสนับสนุนทางพรรคก้าวไกลพร้อมระบุว่าจะเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคก้าวไกล กัณวีร์กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นทั้งความเห็นส่วนตัวและมติพรรค เรื่องนี้เป็นอุดมการณ์ของพรรคเป็นธรรมอยู่แล้วที่เราจะสนับสนุนการเมืองระบอบประชาธิปไตย ตนจะพูดมาเสมอว่าถ้าหลักการไม่ชัดเจนก็อย่ามาเป็นเลยนักการเมือง
เมื่อถามถึงท่าทีของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยที่เหมือนจะร่วมงานกันไม่ได้แล้วอึดอัดหรือไม่ กัณวีร์กล่าวว่าไม่อึดอัดเลย การเมืองคือการต่อรองพูดคุย ซึ่งถ้ามีทางเลือกที่ดีที่สุดก็จะต้องทำอย่างนั้น แต่ในการต่อรองเราต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางของอำนาจ
เมื่อถามว่ามีความหวังว่า 8 พรรคร่วมฯ จะกลับมาร่วมมือจับมือกันได้อีกครั้งหรือไม่ กัณวีร์กล่าวว่าผมมีความหวัง มติมหาชนจะเป็นที่มาของอำนาจ การกลับมาพูดคุยระหว่าง 2 พรรคใหญ่ และอีกหลายพรรคย่อย
เมื่อถามว่าขณะนี้กำหนดการต่างๆ ถูกเลื่อนออกไป ส่วนตัวเชื่อว่าจะถึง 10 เดือนถึงจะได้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ กัณวีร์กล่าวว่า อาจจะถึง 10 เดือน ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะนำมาซึ่งรัฐบาลของประชาชนจริงๆ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนได้คุยกับ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ว่าตัวเราและพรรคจะไปร่วมกันจัดตั้งฝ่ายค้านเลยหรือไม่ ซึ่งก็คุยกันว่าเราไม่ได้จะร่วมมือกันจัดตั้งฝ่ายค้านอย่างเดียว เรายังมีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเรามีฉันทมติของพี่น้องประชาชนที่จะทำให้เราได้เป็นฝ่ายรัฐบาลได้ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งที่มาของอำนาจรัฐ ฉะนั้นเราจะตะโกนดังๆ เลยว่าเราจะจัดตั้งรัฐบาลได้
