×

กัณวีร์มองไทยชื่อเสียงป่นปี้ หลังอนุญาตให้ มิน อ่อง หล่าย เข้าประเทศ 2 ครั้งในเดือนเดียว

โดย THE STANDARD TEAM
17.04.2025
  • LOADING...

วันนี้ (17 เมษายน) กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงการหารือร่วมกันระหว่างอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน กับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา และ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพมหานคร

 

กัณวีร์ระบุว่า หยุดสร้างละครคุณธรรมในเวทีโลก ฟอกขาวให้ผู้นำเผด็จการอำมหิตเมียนมา มิน อ่อง หล่าย อาชญากรต่อมวลมนุษยชาติ และสร้างละครว่าไทยเป็น Peace Broker ที่เก่งและเหมาะสม สามารถสร้างสันติภาพได้ ทั้งที่ไม่รู้เรื่องกระบวนการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน

 

“ชื่อเสียงไทยในเวทีโลกกับประเทศโลกเสรีประชาธิปไตยคงป่นปี้กับการกระทำของรัฐบาลแพทองธาร ที่ไม่รู้เรื่องใดๆ กับสถานการณ์ระหว่างประเทศ จึงดำเนินการทางการทูตที่ผิดพลาด อนุญาตให้ผู้นำเผด็จการทหารเมียนมา มิน อ่อง หล่าย เข้าประเทศไทยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือน”

 

กัณวีร์กล่าวว่า ไม่แปลกใจทำไมรัฐบาลชุดนี้ถึงไม่รู้จักกระบวนการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน เพราะทั้งสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็บริหารเละเทะ พอเอื้อมมือไปยุ่งกับกระบวนการสร้างสันติภาพในประเทศเพื่อนบ้านก็ยิ่งเละ แต่คราวนี้พาชื่อเสียงและภาพลักษณ์ประเทศเสียหายเป็นทวีคูณ

 

“ถึงจะพยายามหลบเลี่ยงการกระทำในครั้งนี้ ที่ มิน อ่อง หล่าย เข้ามาไทยว่าจะไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไทย เนื่องจากตัวนายกรัฐมนตรีไทยจะไม่เข้าร่วมหารือด้วย ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกครหาจากเวทีโลกได้หรอก เพราะสถานที่ก็คือประเทศไทย แถมโรงแรมที่จัดก็เป็นธุรกิจครอบครัวนายกรัฐมนตรีของไทยอีกต่างหาก”

 

กัณวีร์ระบุว่า มือรัฐบาลไทยเปื้อนเลือดสกปรกไปเสียแล้ว ที่ตัดสินใจจับมือกับผู้นำทหารของเมียนมาคนนี้ ที่เข่นฆ่าประชาชนของตัวเองมาอย่างต่อเนื่องและเลือดเย็นตั้งแต่ปี 2564 ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นหลังจากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้นำทหารคนนี้ก็สั่งทิ้งระเบิดทั่วประเทศ และที่มาไทยเมื่อ 3-4 เมษายน ที่ผ่านมา ก็มาหลอกทุกคนว่าได้สั่งหยุดทิ้งระเบิดตามที่ถูกร้องขอไว้แล้ว

 

“โกหกสร้างละครกันโรงใหญ่ พยายามอย่างมากว่าอาเซียนสามารถสั่งหรือเรียกร้องให้ผู้นำเผด็จการคนนี้ยุติการทิ้งระเบิดได้ จริงๆ แล้วไม่เคยหยุดสักแม้แต่วันเดียว ตั้งแต่ 28 มีนาคม หลังแผ่นดินไหว ทหารเมียนมาโจมตีทางอากาศทั่วประเทศทั้งสิ้น 216 ครั้ง ทำคนตาย 151 คน และเจ็บ 269 คน นี่มันอะไร แล้วมาให้เหตุผลว่าการเชิญครั้งนี้เพราะทหารผู้นี้เชื่อฟังและยุติความรุนแรงต่อพลเรือนในประเทศตนเอง”

 

กัณวีร์กล่าวว่า มิน อ่อง หล่าย คือผู้ที่มีหมายจับจากศาลอาร์เจนตินา ประเทศที่ใช้เขตอำนาจศาลสากล (Universal Jurisdiction) ในการออกหมายคดีอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ (Crime against Humanity) ในกรณีการกระทำอันรุนแรงต่อชาวโรฮิงญา ประเทศทั่วโลกที่นับถืออำนาจศาลสากลสามารถจับกุมและดำเนินคดีได้ แต่ไม่ใช่ไทย

 

กัณวีร์กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่สามารถทำงานด้านการสร้างสันติภาพใดๆ ได้เลย เพราะไม่สามารถมองข้ามการทำงาน Track 1 คือการทำงานแค่ ‘รัฐ ต่อ รัฐ’ (G to G) ไปได้ ดังนั้นจึงมองไม่เห็นว่าตัวละครที่สำคัญและจำเป็นในการดึงมาร่วมวงการสร้างสันติภาพคือใครจริงๆ จึงมองเพียงแค่การทำงานระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือกรอบความร่วมมือพหุภาคีแบบไม่อ่อนตัว หรือที่มีแค่รัฐเท่านั้นที่เป็นสมาชิกอย่างอาเซียนมาเป็นตัวละครหลักเพียงอย่างเดียว

 

“ผมเสนอเพียงเท่านี้ หวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจว่าผมพูดอะไร หัดให้ความสำคัญกับสิ่งรอบข้างที่มีความสำคัญไม่แพ้รัฐเสียบ้าง เราไม่ได้อยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือสงครามเย็นอีกต่อไปแล้ว กรอบความร่วมมือพหุภาคีแบบอ่อนตัว (flexible multi-lateral) ต่างๆ และรวมถึงตัวละครที่สำคัญและจำเป็นต้องถูกชวนเข้ามาด้วย” กัณวีร์ระบุ

 

กัณวีร์ย้ำว่า แผนโรดแมปก็ไม่มี มองยังไม่ออกว่ามีตัวละครอะไรบ้างที่ต้องเข้ามาร่วม แถมยังดึงดัน ดื้อรั้น รีบทำอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่สามารถเป็นการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนได้เลย อย่าเอาประเทศไทยไปเป็นสิ่งเดิมพันกับความดันทุรังที่ไม่มีแผนงานใดๆ ของคนไม่กี่คน เพราะจะกระทบต่อคนทั้งชาติไทยและชาติอื่นด้วย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising