เสียงโห่ที่ดังกระหึ่มจากแฟนบอลในสนามท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม คือเสียงจากความรู้สึกของแฟนบอลชาวยิดอาร์มีที่ผิดหวังกับการเห็นทีมรักกระเด็นตกรอบยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง เมื่อทำได้แค่เสมอกับเอซี มิลาน 0-0 และต้องตกรอบด้วยผลรวม 2 นัดที่พ่ายทีมปีศาจแดงดำไป 0-1 จากเกมแรก
เป็นอีกครั้งที่สเปอร์สจะจบฤดูกาลด้วยมือเปล่า ไม่มีแชมป์ใดๆ เป็นปีที่ 15 หลังจากได้แชมป์ครั้งสุดท้ายในรายการลีกคัพเมื่อฤดูกาล 2007/08
ในวันที่เจ็บปวดนี้ยังเพิ่มความรวดร้าวขึ้นไปอีก เมื่อมีการส่งสัญญาณที่น่าสนใจจากอันโตนิโอ คอนเต นายใหญ่ชาวอิตาลี
คอนเต ซึ่งหลังจบเกมได้ใช้เวลาเนิ่นนานกว่าปกติในห้องแต่งตัวกับลูกทีมทุกคน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในการแถลงข่าวหลังจบเกมตามธรรมเนียม ซึ่งแน่นอนประเด็นใหญ่ที่นักข่าวต้องการคือเรื่องอนาคตในการทำงานของเขา
“นี่ไม่ใช่วันที่เหมาะสมที่จะพูดถึงเรื่องอนาคตของผม ผมมีสัญญากับท็อตแนม และท็อตแนมก็รู้อย่างดีถึงสิ่งที่ผมคิด เมื่อจบฤดูกาลแล้วเราจะมีการพบกันและตัดสินใจด้วยกัน” คอนเตกล่าว
สิ่งที่น่าสนใจในถ้อยคำคือการบอกว่า “สเปอร์สรู้ดีว่าเขาคิดอะไรอยู่” ซึ่งในการตีความของผู้สื่อข่าวจากอังกฤษ ค่อนข้างมั่นใจว่านี่คือการบอกว่าเขาจะอยู่กับทีมแค่สิ้นสุดฤดูกาลนี้
และนี่อาจจะเป็นเกมสุดท้ายสำหรับเขาที่จะได้คุมทีมสเปอร์สลงเล่นในแชมเปียนส์ลีก
อันที่จริงเรื่องอนาคตของอดีตโค้ชที่นอกจากจะเคยพายูเวนตุสครองวงการลูกหนังอิตาลี และเคยสร้างปรากฏการณ์ด้วยการนำเชลซีผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง ไม่ใช่เรื่องที่ถึงกับน่าแปลกใจ เพราะมันมีการส่งสัญญาณมาเป็นระยะจากคอนเตว่าเขาพร้อมจะไปจากสโมสร
เหตุผลของคอนเตคือความรู้สึกหงุดหงิดและผิดหวังกับการที่สโมสรไม่สามารถยกระดับตัวเองขึ้นไปเพื่อแข่งขันกับทีมในกลุ่มที่เรียกว่า ‘Big Six’ ด้วยกันได้ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญคือการที่เขาไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการทำทีมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
จริงอยู่ที่ แดเนียล เลวี ในฐานะประธานสโมสรไม่ใช่จะไม่เทงบประมาณให้ เพราะสเปอร์สเองก็ได้นักเตะอย่าง คริสเตียน โรเมโร (42 ล้านปอนด์,) อีฟส์ บิสซูมา (25 ล้านปอนด์), อิวาน เปริซิช (ฟรี) และ ริชาร์ลิสัน (50 ล้านปอนด์) มาร่วมทีมในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา
แต่คำถามคือนักเตะกลุ่มนี้ใช่นักเตะในระดับที่คอนเตต้องการจริงๆ หรือไม่? และหากมองย้อนกลับไปในการลงทุนของทีมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราอาจจะมองเห็นภาพว่าทำไมขุมกำลังของสเปอร์สจึงยังไม่ดีพอที่จะยกระดับไปถึงจุดที่จะประสบความสำเร็จได้
ทั้งๆ ที่ในฤดูกาลที่แล้ว (2021/22) เมื่อคอนเตเข้ามาทำทีมแทน นูโน เอสปิริโต ซานโต ที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล สเปอร์สดูมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะหลังจากที่คอนเตจิ้มนักเตะเข้ามาเองอย่าง โรดริโก เบนตานกูร์ และ เดยัน คูลูเซฟสกี ที่เป็นนักเตะจากทีมเก่าอย่างยูเวนตุส
เบนตานกูร์เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในแดนกลางด้วยการผนึกกำลังกับ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ จนกลมกล่อมลงตัว ขณะที่คูลูเซฟสกีเป็นเหมือนจิ๊กซอว์สำคัญในแดนหน้าที่ช่วยปลดล็อก ซนฮึงมิน และ แฮร์รี เคน ให้ระเบิดฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง
สเปอร์สสามารถปาดหน้าอาร์เซนอลคว้าโควตาไปแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จในช่วงปลายฤดูกาล ซึ่งสำหรับคอนเตมันคือ ‘นาทีทอง’ ที่ทีมจะต่อยอดไปสู่ความสำเร็จได้ เขาเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเองและศักยภาพของลูกทีม เพียงแต่ปัญหาคือดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีพอ
ยิ่งหันไปดูอาร์เซนอลที่เสริมทัพด้วยนักเตะแบบเน้นๆ อย่าง กาเบรียล เชซุส, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก, ฟาบิโอ วิเอรา ไปจนถึงในช่วงตลาดการซื้อขายรอบที่ผ่านมาที่แม้จะพลาดเป้าหมายอย่าง มิไคโล มูดริก และ มอยเซส ไกเซโด แต่ก็ยังได้ เลอันโดร ทรอสซาร์ด และ จอร์จินโญ เข้ามา ทำให้ทีมยกระดับกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์แบบเต็มตัวครั้งแรกในรอบ 19 ปี
หรือเชลซีที่ถึงจะอีรุงตุงนังตั้งแต่ต้นฤดูกาล แต่ ทอดด์ โบห์ลี เจ้าของสโมสรคนใหม่ชาวอเมริกันก็ทุ่มเงินมากกว่า 500 ล้านปอนด์คว้านักเตะเข้ามาเสริมทีมแบบแทบจะสร้างได้อีกทีมหนึ่ง ที่เหลือก็เป็นงานของ เกรแฮม พอตเตอร์ ที่จะต้องทำทีมให้ดี ซึ่งล่าสุดหลังย่ำแย่มาหลายเดือน ตอนนี้เชลซีเริ่มค้นพบฟอร์มและผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแชมเปียนส์ลีกไปในคืนก่อนหน้า
คอนเตต้องการสิ่งเหล่านี้จากสเปอร์ส การสนับสนุนที่จะทำให้เขาทำงานได้ดีและไปถึงเป้าหมายให้ได้
แต่สุดท้ายเมื่อเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนไฟในตัวของเขาจะค่อยๆ มอดลงไปเรื่อยๆ เมื่อรวมถึงปัญหาสุขภาพส่วนตัวที่ทำให้ต้องกลับไปพักรักษาตัวที่อิตาลีอยู่พักใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา และความตายของเพื่อนสนิท 3 คน นั่นทำให้กุนซือชาวอิตาลีอาจจะตัดใจอำลาทีมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้ ซึ่งจะหมดสัญญากับสโมสรพอดี
โดยที่มีข่าวว่า เมาริซิโอ โปเชตติโน เจ้านายเก่าที่เคยพาสเปอร์สเกือบถึงฝัน ต้องการโอกาสจะกลับมาคุมทีมอีกครั้ง เพราะเจ้าตัวก็ว่างงานมานานหลังโดนปารีส แซงต์ แชร์กแมง ปลดจากตำแหน่ง และพลาดโอกาสในการคุมทีมเรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึงเชลซี
อย่างไรก็ดี คอนเตไม่ได้เป็นคนเดียวที่อาจจะไม่อยู่กับทีมอีกต่อไป เพราะการจบฤดูกาลด้วยมือเปล่าอีกครั้งทำให้เรื่องอนาคตของ แฮร์รี เคน กองหน้ากัปตันทีม กลับมาอยู่ในบทสนทนาแฟนลูกหนังอีกครั้ง
กัปตันทีมสเปอร์สซึ่งเล่นได้อย่างน่าผิดหวังอีกครั้งในเกมใหญ่ ไม่สามารถสร้างผลงานในแบบที่ทุกคนคาดหวังจากเขาได้เลย โดยตลอด 90 นาทีเคนมีโอกาสยิงแค่ครั้งเดียว นอกนั้นแทบทำอะไรไม่ได้เลย เขาถูกแบ็กทรีของมิลานเก็บใส่กระเป๋าสบายๆ
ทั้งๆ ที่มันควรเป็นเกมที่อย่างน้อยเขาน่าจะพยายามที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ เพราะด้วยระดับฝีเท้าของเคน การเล่นแค่จังหวะหรือสองจังหวะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ทีมได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ดี เมื่อมันจบแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดว่าหลังจบฤดูกาลนี้เคนจะยังต้องการอยู่กับสเปอร์สต่อไปอีกหรือไม่? ในเมื่อทุกอย่างไม่เคยเดินหน้าไปไหน มันวนกลับมาที่เดิมเสมอ จบลงด้วยความผิดหวังซ้ำซากเสมอ
ในวัย 29 ปีที่เป็นช่วงท็อปพีคของนักฟุตบอลอาชีพ เคนยังไม่เคยได้สัมผัสกับโทรฟีแชมป์สักใบ มันเป็นความรู้สึกที่กัดกินใจของกองหน้าในระดับใกล้เคียงคำว่าเวิลด์คลาสของชาวอังกฤษอย่างมาก และกัดกินมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน เคนเคยพยายามที่จะย้ายออกจากสเปอร์มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่สุดท้าย แดเนียล เลวี ไม่ยอมให้การย้ายทีมเกิดขึ้น เพราะผลเสียที่จะเกิดขึ้นนั้นมากมายเกินกว่าจะรับไหว
เคนเองก็ไม่กล้าที่จะ ‘หัก’ กับสโมสรที่เขารัก จึงไม่ปริปากใดๆ และเมื่อไม่ได้ย้ายทีมก็กลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม
แต่ถึงตรงนี้แล้วหากเขาต้องการที่จะไป แม้แต่แฟนสเปอร์สเองก็เชื่อว่าจะเข้าใจ
ไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งอะไรกันไว้ เคนเองก็พยายามอย่างถึงที่สุดแล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และอย่างน้อยก็มีโมเมนต์ในความทรงจำมากมาย รวมถึงประตูที่ทำลายสถิติตลอดกาลของ จิมมี กรีฟส์ ตำนานดาวยิงผู้ยิ่งใหญ่
ถึงจะปรารถนาที่จะพาสเปอร์สคว้าแชมป์ให้ได้มากแค่ไหน เพราะรู้ว่าการคว้าแชมป์กับสโมสรอื่น 10 ใบก็ไม่เท่ากับการพาทีมตัวเองที่อดทนเฝ้ารอมานานคว้าแชมป์ได้ใบเดียว แต่บางครั้งไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะสมหวังทุกสิ่ง
เคนก็ไม่ต่างจากคอนเต เขาควรได้ไปอยู่ทีมที่ดีกว่าและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า ซึ่งอาจจะเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ หรือ เท็ดดี้ เชอริงแฮม เคยไปจากสเปอร์สและประสบความสำเร็จมากมาย
และเช่นกันกับสเปอร์สที่อาจถึงคราวต้องเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ บ้าง ด้วยการสร้างทีมชุดใหม่ขึ้นมา เพราะทุกคนอยู่กับที่มานานเกินไปแล้ว
อ้างอิง:
