วานนี้ (18 มิถุนายน) พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังการสอบปากคำ พล.ต.ต. กัมพล ลีลาประภาภรณ์ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี (ผบก.ภ.จว.ชลบุรี) ผู้ต้องหาในคดีรีดทรัพย์ผู้เสียหาย 140 ล้านบาท ว่า พล.ต.ต. กัมพล ยังไม่ให้การใดๆ กับพนักงานสอบสวน และจะขอส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรในทุกประเด็นภายใน 5 วัน
ขณะนี้พบว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องในคดีนี้แล้ว 10 นาย มารายงานตัวแล้ว 9 นาย เหลืออีก 1 นายคือ พ.ต.ต. พรเทพ เพ็ชรนวล สารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวังจันทร์ จังหวัดระยอง โดยทั้งหมดที่มารายงานตัวแล้วนั้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ
มาตรา 157 ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ, มาตรา 149 เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ และมาตรา 309 ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืน
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ในจำนวนนี้มีตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) อยู่ 2 นาย ถูกแจ้ง 2 ข้อหา คือ มาตรา 157 และมาตรา 309 แต่ให้การปฏิเสธ โดยระบุว่าผู้เสียหายกล่าวหาใส่ร้าย และได้ไปแจ้งความกลับไว้แล้ว
ทั้งนี้ พ.ต.ต. พรเทพ สนิทกับบอย ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนเจรจาเรื่องเงินสินบนที่จะมอบให้กับชุดจับกุม ขณะนี้หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ในวันนี้ (19 มิถุนายน) จะประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของบอย และตามยึดทรัพย์สินที่พบว่ามีอยู่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งบ้านพัก ที่ดิน เรือ และรถยนต์ เพราะเบื้องต้นพบแล้วกว่า 200-300 ล้านบาท
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้พบว่าตำรวจได้กระทำการไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก เนื่องจากหลังจากจับกุมแล้วไม่มีการส่งตัวไปยังสถานีตำรวจในท้องที่ แต่กลับนำตัวผู้ที่จับกุมไปสอบสวนที่ห้องทำงานของผู้บังคับการฯ ส่วนการออกหมายจับก็พบว่ามีการไปขอศาลถอนหมายจับ หลังจากที่ได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว โดยระบุต่อศาลว่าสายลับให้ข้อมูลผู้ต้องหาผิดคน และหลังจากนี้เตรียมขยายผลจับผู้อื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม