Justin Timberlake ถูกจับในข้อหา เมาแล้วขับ โดยเขาอ้างว่าดื่มมาร์ตินีไปเพียงแก้วเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะออกเดินทางขับรถกลับบ้านตามเพื่อน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 18 มิถุนายน โดย Justin Timberlakeไปแวะสังสรรค์ที่โรงแรม American Hotel ก่อนจะขับรถเดินทางกลับบ้าน และถูกจับในข้อหาเมาแล้วขับที่ Sag Harbor แห่งมหานครนิวยอร์ก ซึ่งในรายงานการจับกุมของเขาได้เผยสิ่งที่ Justin Timberlakeพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ผมดื่มมาร์ตินีไปแก้วเดียว และกลับบ้านตามหลังเพื่อน”
ในรายงานการจับกุมJustin Timberlake เผยว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกับในทุกๆ วัน พวกเขาเห็น Justin Timberlakeขับรถ 2025 BMW ผ่านป้ายหยุด และไม่สามารถประคองรถให้อยู่ในเลนขวาได้ เจ้าหน้าที่จึงหยุดรถของนักร้องคนดังเพื่อเข้าตรวจสอบ และพบว่า Justin Timberlakeมีดวงตาเยิ้มและแดงก่ำ ลมหายใจมีกลิ่นแอลกอฮอล์ชัดเจน ไม่สามารถโฟกัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พูดช้า ทรงตัวไม่ค่อยได้ สุดท้ายแล้วเขาแทบจะไม่ผ่านการทดสอบ Field Sobriety Tests ระดับมาตรฐาน
ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวJustin Timberlake ไปยังสถานีตำรวจ Sag Harbor Police Headquarters และอ่านข้อกฎหมายเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ให้เขาฟัง แต่เขาปฏิเสธการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในร่างกาย สุดท้ายแล้ว Justin Timberlakeจึงถูกตั้งข้อหาขับรถระหว่างมึนเมา โดยมีข้อหาย่อยอีก 2 ข้อ คือ การขับรถฝ่าป้ายหยุด และไม่อยู่ในเลนของตัวเอง
เจ้าหน้าที่ตำรวจออกแถลงการณ์ด้วยว่า Justin Timberlakeถูกคุมตัว 1 คืน และได้รับการประกันตัวในเช้าวันต่อมา แต่เขามีนัดไต่สวนคดีบนชั้นศาลในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ ซึ่งแหล่งข่าวก็ได้เผยว่า Ed Burke Jr. ทนายของเขา และเพื่อนอีก 2 คน เป็นผู้ที่มาจัดการคดีของJustin Timberlake โดยเขาถูกใส่กุญแจมือด้านหน้า และมีอารมณ์ขุ่นมัว ในขณะที่ภรรยาอย่าง Jessica Biel นักแสดง ไม่ได้ปรากฏตัวแต่อย่างใด
อ้างอิง: