×

โฆษกยุติธรรมแจงไทม์ไลน์ ชี้ล่าช้าจนดึกเพราะเจรจานาน อานนท์กับพวกยืนกรานไม่ยอมตรวจโควิด-19 เผยมีกล้องบันทึกภาพและเสียงครบ

โดย THE STANDARD TEAM
18.03.2021
  • LOADING...
โฆษกยุติธรรมแจงไทม์ไลน์ ชี้ล่าช้าจนดึกเพราะเจรจานาน อานนท์กับพวกยืนกรานไม่ยอมตรวจโควิด-19 เผยมีกล้องบันทึกภาพและเสียงครบ

วันนี้ (18 มีนาคม) วัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี อานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร ร้องเรียนถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ในยามวิกาลว่า จากข้อมูลที่ตนได้รับรายงานมาคือ อานนท์และพวกรวม 4 คนได้เดินทางจากศาลพร้อมด้วยผู้ต้องขังที่ไม่ใช่คดีการเมืองอีก 9 คน ถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเวลาประมาณ 17.10 น. จากนั้นเวลา 18.46 น. ได้รับย้ายตัว ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก, ไผ่ ดาวดิน-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา แกนนำราษฎร และโตโต้-ปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่ม Wevo มาจากเรือนจำพิเศษธนบุรี มาจำแนกทำประวัติและทำทะเบียนแรกรับ จึงนำตัวมาห้องกักโรคแรกรับพร้อมกับผู้ต้องขังคนอื่นที่รับตัวกลับมาในวันเดียวกัน รวมทั้งหมด 16 คน

 

เนื่องจากทาง ศบค. ได้ประกาศให้พื้นที่เขตบางแค ซึ่งมีการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ในตลาดบางแคเป็นพื้นที่สีแดง จากการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 290 คนนั้น เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเจรจาเพื่อให้ทั้ง 3 คนแยกกักโรคต่างหากจากผู้ต้องขังรายอื่นที่มาในวันเดียวกัน และการตรวจเชื้อโควิด-19 กินเวลาไปถึงประมาณเที่ยงคืนเศษ เนื่องจากทั้ง 3 คนมาจากเรือนจำพิเศษธนบุรี แม้ว่าในเรือนจำจะมีห้องกักโรค แต่มีผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกวันจากพื้นที่เสี่ยงฝั่งธนบุรี เขตบางแค และรอบๆ เขตบางแค ทั้งยังมีการเคลื่อนย้ายขึ้นรถและสัมผัสกับเจ้าหน้าที่ ประกอบกับ 3 รายนั้นมีการกักโรคอยู่ที่เรือนจำพิเศษธนบุรีเพียง 7 วัน ยังไม่ครบกำหนด 14 วัน อาจจะมีการเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ แต่ทั้ง 3 คนไม่ยอมและขออยู่รวมกับอานนท์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้ว เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและไม่เกิดความวุ่นวายต่อต้านจนควบคุมไม่ได้ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือในการตรวจร่างกายเพื่อคัดกรอง PCR ตรวจโควิด-19 ทุกคนตามมาตรการป้องกัน และมีคนยินยอมให้ตรวจเพียง 9 คน ซึ่งไม่ใช่กลุ่มผู้ต้องขังคดีการเมือง 

 

ส่วนอานนท์และพวกรวม 7 คนที่เป็นผู้ต้องขังคดีการเมืองไม่ยินยอม ทำให้แพทย์พยาบาลและสหวิชาชีพจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ต้องทำการตรวจทั้ง 9 คนก่อน เริ่มทำการตรวจในเวลาประมาณ 23.00 น. เนื่องจากต้องใช้เวลาเตรียมอุปกรณ์ ตั้งโต๊ะตรวจในบริเวณพื้นที่หน้าห้องกัก และสวมชุดป้องกัน ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งแจ้ง ไม่ใช่ที่ลับตา โดยเรียกตรวจทีละคน พร้อมทั้งมีการพยายามเจรจากับผู้ต้องขังทั้ง 7 คนอีกครั้งที่ปฏิเสธในช่วงแรกไปด้วย ซึ่งไม่เป็นผล จนแล้วเสร็จประมาณเที่ยงคืนกว่า

 

จากนั้นเราจึงจำเป็นต้องเตรียมห้องใหม่เพื่อย้ายทั้ง 9 คนที่ตรวจโรคแล้วไปกักโรคอีกห้องเพื่อสังเกตอาการตามมาตรการ โดยกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นประมาณ 02.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาเคลื่อนย้ายส่วนหนึ่งคือเจ้าหน้าที่เข้าเวร และอีกส่วนเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษที่มาร่วมในการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขัง 2 นายเพื่อความปลอดภัย (เครื่องแบบชุดปฏิบัติการพิเศษไม่ได้กำหนดให้ติดป้ายชื่อ ยกเว้นหัวหน้าชุดที่จะมีป้ายชื่อ และมีกระบองพกอยู่แล้วในเครื่องแบบ) เพราะการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังมีความเสี่ยง จึงต้องพกไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทำกันอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นการกระทำที่นอกเหนือไปจากกฎระเบียบที่กำหนดไว้ 

 

แต่ทั้งนี้ ตนในฐานะประธานกรรมการประมวลข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวจะเร่งสืบสวนหาหลักฐานข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และจะรีบชี้แจงต่อสาธารณชนโดยเร็ว

 

กระบวนการทั้งหมดที่ล่าช้าเพราะทั้งอานนท์และเพื่อนๆ รวม 7 คนไม่ยินยอมที่จะตรวจหาเชื้อ ซึ่งเจ้าหน้าที่และทีมงานแพทย์พยาบาลต้องช่วยเจรจา เสียเวลาอยู่นาน กินเวลาไปหลายชั่วโมง เจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจก็เป็นผู้หญิง ทางเราก็ไม่อยากที่จะให้กินเวลาไปมากกว่านี้ เพราะยิ่งดึกก็จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยากลำบาก ทุกคนอยากให้กระบวนการทุกอย่างเสร็จโดยเร็ว แต่เมื่อการเจรจาหลายครั้งไม่สำเร็จ ทำให้กระบวนการทุกอย่างกินเวลาหลายชั่วโมงจนดึก และกลายเป็นประเด็นดังกล่าว 

 

ทั้งนี้ เราต้องแยกผู้ที่ให้ความร่วมมือตรวจแล้วแยกไปกักโรคอีกห้องต่างหาก ซึ่งหากพบการติดเชื้อโควิด-19 เราก็ต้องย้ายไปรักษาตัวยังโรงพยาบาล ซึ่งการตรวจโควิด-19 เราจะปล่อยปละละเลยไม่ได้ เพราะหากผู้ต้องขังคนอื่นรู้ว่าเราไม่ได้ตรวจคัดกรอง แล้วภายหลังเกิดการแพร่ระบาดภายในเรือนจำ อาจเกิดการจลาจลร้ายแรงเหมือนกรณีเรือนจำในต่างประเทศเพื่อหนีตาย และเราไม่สามารถเอาคน 3,000 กว่าคนที่เป็นผู้ต้องขังที่ผ่านช่วงการกักโรคแล้วมาร่วมเสี่ยงได้ 

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทุกนายเป็นคนของกรมราชทัณฑ์ทั้งสิ้น เรามีบันทึกวิดีโอทั้งภาพและเสียงในช่วงการปฏิบัติงานเคลื่อนย้าย 9 ราย ด้วยว่าเราไม่ได้ทำร้าย ราชทัณฑ์ทำตามหลักสิทธิมนุษยชน เพียงแค่นำตัวผู้ต้องขังออกไปห้องกักโรคอีกห้องเท่านั้น ซึ่งหากศาลเรียกข้อมูลตรงนี้ เราก็พร้อมที่จะส่งให้ศาลเพื่อพิจารณาการประกอบการไต่สวน

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising