วันนี้ (16 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการที่มีอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ภาคใต้ 9 คน ย้ายกลับมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ว่า จะไม่ขอพูดว่าพรรคไหน เพียงแต่คนที่เคยอยู่กับพรรคมาแล้วก็ออกไปก่อนหน้านั้นก็ประสงค์ที่จะกลับพรรค ก็มีอยู่หลายท่าน ที่มาสมัครสมาชิกพรรคแล้วก็มี แต่สำหรับภาคใต้นั้น ตนได้มอบหมายให้ นิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะฉะนั้น รายละเอียดทั้งหมดก็ขอให้ถามกับนิพนธ์ แต่ในภาพรวมนั้นก็อย่างที่ได้เรียนไปแล้ว เป็นเรื่องที่เป็นไปตามแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งก็คือแนวทางของการที่จะเดินหน้าเรื่องการนำเลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ ซึ่งขณะนี้นอกจากมีคนเก่ากลับพรรคแล้ว ก็ยังมีเลือดใหม่ มีคนรุ่นใหม่จำนวนมากทีเดียว ที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรคในทุกภาค
จุรินทร์กล่าวอีกว่า ไม่กี่วันมานี้เฉพาะในภาคใต้ก็ได้มีการประกาศตัวคนรุ่นใหม่ที่จังหวัดระนองไปแล้ว และสำหรับที่ภูเก็ตก็จะมีคนรุ่นใหม่อีกจำนวนหลายท่าน ซึ่งภูเก็ตจะเพิ่ม ส.ส. จาก 2 คน เป็น 3 คน เพราะฉะนั้น ก็จะได้เรียนให้ทราบต่อไปว่าเป็นใครบ้าง แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็ได้มีการประชุมสมาชิกพรรคและแกนนำพรรค พร้อมกับได้ประกาศยุทธศาสตร์ภูเก็ตยกทีม ซึ่งก็จะมีคนรุ่นใหม่เป็นจำนวนมากในทุกๆ ภาค ไม่เฉพาะภาคใต้ เมื่อถึงเวลาจะได้ทยอยแจ้งให้ทราบ และจะมีการเปิดตัวเป็นระยะ
“จากการลงพื้นที่ในทุกภาค ทุกคนก็พูดตรงกันว่าวันนี้ประชาธิปัตย์กำลังเป็นการเดินขึ้น ไม่ใช่เป็นการเดินลง เพราะฉะนั้น มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนก็มีกำลังใจ สมาชิกคนเก่าๆ ก็กลับพรรค คนรุ่นใหม่ก็เข้ามาเติม ให้เรามีพลังมากขึ้นในการที่จะเดินหน้าพาพรรคประชาธิปัตย์ไปรับใช้ประชาชนอย่างเต็มกำลังให้มากขึ้นในอนาคตต่อไป” จุรินทร์กล่าว
ส่วนเรื่องผลงานประชาธิปัตย์นั้น จุรินทร์กล่าวว่า ตนมีความมั่นใจว่าประชาชนตอบรับมากขึ้น และประชาธิปัตย์มีผลงานเป็นรูปธรรม เป็นที่ประจักษ์ อย่างน้อย 2 เรื่องที่ เราได้กำหนดไว้เป็นเงื่อนไขก่อนเข้าร่วมรัฐบาล คือ 1. การประกันรายได้เกษตรกร 2. เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
วันนี้อย่างน้อย 2 เรื่องนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ว่าประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการให้เห็นผลสัมฤทธิ์เป็นจริงได้ ซึ่งนโยบายประกันรายได้นั้นสามารถทำได้สำเร็จภายใน 4-5 เดือน ก็สามารถโอนเงินส่วนต่างให้เกษตรกรได้ จึงเป็นที่มาที่มีการพูดกันว่า ‘ประชาธิปัตย์ อุดมการณ์ ทันสมัย ทำได้ไวทำได้จริง’ ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนั้น แม้จะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง แต่วันนี้ก็ปรากฏชัดเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า อย่างน้อยที่สุดการแก้รัฐธรรมนูญก็สามารถผ่านความเห็นชอบในวาระที่ 3 ไปได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการที่พรรคเล็กจะยื่นตีความรัฐธรรมนูญ จุรินทร์กล่าวว่า ไม่เป็นไร ซึ่งก็ได้เรียนไปแล้วว่า ถ้าสามารถรวมเสียง ส.ส. ได้ 1 ใน 10 หรือประมาณ 40-50 เสียง หรือรวมเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ประมาณ 24-25 เสียง ถ้าเป็น ส.ส. กับ ส.ว. รวมกัน 70 กว่าเสียง ก็สามารถยื่นได้ และในส่วนของตนนั้นก็ไม่มีความกังวล เพราะเป็นเงื่อนไขและกระบวนการที่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะเป็นผลดีก็ได้ว่าจะได้ไม่ต้องคาใจว่าจะดำเนินการไปโดยชอบตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
“สำหรับผมนั้นผมมั่นใจ เพราะทุกประเด็นได้ผ่านขั้นตอนกระบวนการพิจารณาโดยชอบ ไม่เช่นนั้นจะนำไปสู่การลงมติร่วมกันในวาระที่ 3 ไม่ได้ และระหว่างทางก็มีการเสนอญัตติเพื่อให้ดำเนินการ 1-2-3-4-5 แต่สุดท้ายเสียงส่วนใหญ่พิจารณาแล้วก็เห็นตรงว่าสามารถดำเนินการได้ และทุกอย่างเป็นโดยชอบตามรัฐธรรมนูญ” จุรินทร์กล่าว
สำหรับเรื่องการผลักดันกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น จุรินทร์กล่าวว่า ในส่วนของประชาธิปัตย์ได้มีการประชุม ส.ส. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก็มีมติในการตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อยกร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ผ่านความเห็นชอบวาระที่ 3 ไป เพื่อที่ว่าเมื่อรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ ก็จะได้เดินหน้ากฎหมายลูกได้ทันที
ส่วนแนวทางการร่างกฎหมายลูกของพรรคเพื่อไทย ที่จะให้ใช้แบบพรรคเดียวเบอร์เดียวทั่วประเทศนั้น จุรินทร์กล่าวว่า ตนก็เห็นด้วย จะได้ไม่สร้างความสับสน และถ้าบัตร 2 ใบ เบอร์เดียวกันทั่วประเทศ ก็จะง่ายต่อการที่ประชาชนจะเลือก ไม่อย่างนั้นก็อาจจะสับสนได้ เขตหนึ่งก็เบอร์หนึ่ง การหาเสียง การชี้แจงกับประชาชนก็ยากลำบาก เพราะจะสับสนกันในแต่ละเขต ซึ่งในอดีตเราก็เคยทำมาอย่างนี้ที่เป็นเบอร์เดียวกันทั่วประเทศ และเป็นการเสริมสร้างพรรคการเมืองให้เข้มแข็งขึ้น เพราะพรรคจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น พรรคการเมืองเป็นกลไกสำคัญในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้น รูปแบบไหนก็ตามที่นำไปสู่การทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็งได้ ก็เป็นเรื่องที่ดี
ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้พิจารณาถึงการที่มี 4 รัฐมนตรีอาจพัวพันกับการทุจริตนั้น จุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่กังวลอะไร เพราะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถชี้แจงได้ชัดเจนครบถ้วนทุกประเด็น ไม่มีประเด็นอะไรที่สภา หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปสงสัย เพราะฉะนั้น การจะยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบก็สามารถทำได้ และไม่มีอะไรน่ากังวล