วันนี้ (26 มิถุนายน) ที่รัฐสภา จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลำดับที่ 1 ของพรรค กล่าวก่อนการเข้ารายงานตัว ส.ส. ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า วันนี้ไม่ได้ถือฤกษ์อะไร เนื่องจากติดภารกิจไปต่างจังหวัดหลายวันติดต่อกัน และเมื่อวานนี้ก็เพิ่งเป็นประธานเปิดการประชุม จึงไม่สะดวก และในวันที่ 2 กรกฎาคม พรรคประชาธิปัตย์จะนัดประชุม ส.ส. นัดแรกภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งในวันนั้นก็คงจะเชิญเจ้าหน้าที่สภาไปให้ข้อมูลสำหรับ ส.ส.ใหม่ ว่าแนวปฏิบัติ การให้บริการของสภา เพื่อให้การทำหน้าที่ของ ส.ส. สมบูรณ์แบบที่สุด จะต้องทำอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังจะมีการเลือกประธานในที่ประชุม ส.ส. ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการโหวตเลือกประธานสภา จุรินทร์กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีการเสนอชื่อใครบ้าง แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับ 2 พรรคใหญ่ ถ้าตกลงกันได้ ทิศทางก็จะต้องไปตามนั้น เพราะรวมกันก็ได้ 300 กว่าเสียง ซึ่งเกินเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ต้องให้เขาไปตกลงกันให้ได้เบื้องต้น แล้วจึงนำเสนอเข้าที่ประชุมเพื่อให้ลงคะแนนต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะมีท่าทีอย่างไร จุรินทร์กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ 2 พรรคใหญ่ ฉะนั้นอยู่ที่ฝั่งนั้นเป็นหลัก แต่หากตกลงกันไม่ได้ก็เป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งตนไม่ไปก้าวก่าย ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็โทษคนอื่นไม่ได้แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์จะต้องโหวตให้หรือไม่ จุรินทร์กล่าวว่า เรายังไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง พรรคจะต้องนำไปประกอบการพิจารณา รอให้มีความชัดเจนมากกว่านี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวมีการซื้อตัว ส.ส. 60 คน คนละ 100 ล้านบาท จุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็เห็นแต่จากข่าว แต่ในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็คงไม่อยากเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น อยากให้ทุกอย่างเดินหน้าไปตามวิถีทางรัฐธรรมนูญและวิถีทางกฎหมาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสเปกของผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรค จุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดเรื่องตัวบุคคล เพราะเมื่อถึงเวลาก็ต้องดูว่าใครสมัครใจ ตรงนี้สำคัญที่สุด ส่วนในเรื่องสเปกก็เป็นไปตามข้อบังคับพรรค สิ่งหนึ่งที่ตนอยากเห็นคือการเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทในกรรมการบริหารพรรค เพราะเขาต้องเป็นคนที่ต่อยอดอนาคตของพรรคต่อไป ส่วนเรื่องหัวหน้าพรรค ขอละไว้ในฐานที่จะไม่ให้ความเห็น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวจะสนับสนุนใครเป็นหัวหน้าพรรค จุรินทร์กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่ามีใครสมัครใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ และใครบ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งไม่ว่าจะมีหนึ่งคนหรือมากกว่านั้นก็จำเป็นจะต้องลงคะแนนให้ที่ประชุมรับรอง เป็นวิถีประชาธิปไตยในพรรคประชาธิปัตย์ ในพรรคมีคนอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนจะเป็นใครอยู่ที่ความสมัครใจ เพราะเป็นภารกิจที่จะต้องอาศัยความเพียบพร้อมหลายด้านในการทำหน้าที่หัวหน้าพรรค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการทาบทามใครบ้างหรือไม่ จุรินทร์กล่าวย้ำว่า สมัครใจสำคัญสุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีใครสมัครใจบ้างหรือยัง จุรินทร์กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ดูเหมือนอำนาจในขณะนี้จะอยู่ที่กลุ่มของ ส.ส. ภาคใต้ จุรินทร์กล่าวว่า ส.ส. ภาคใต้มีมากที่สุด เป็นมาหลายครั้ง แต่ทั้งหมดอยู่ที่องค์ประชุมใหญ่ในการลงคะแนน ทุกคนมีความสำคัญใกล้เคียงกัน แม้ว่าน้ำหนักของคะแนนจะต่างกันไปบ้าง แต่ต้องถือว่าทุกคนมีความสำคัญในการตัดสินใจเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี กรณ์ จาติกวณิช ลาออกจากหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และมีกระแสข่าวว่าจะย้ายกลับมาพรรคประชาธิปัตย์ จุรินทร์กล่าวว่า ยังไม่ได้ยินใครในพรรคพูดเรื่องนี้
