วันนี้ (6 ตุลาคม) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาความผิดทางวินัย กรณีเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) จำนวน 3 ราย ที่ถูก อคส. แจ้งข้อกล่าวหาจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาท โดยมิชอบด้วยกฎหมายว่า เมื่อวานนี้ (5 ตุลาคม) เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส. ได้แจ้งว่ามีความชัดเจนจากคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดที่ตั้งขึ้นมา ว่าใครจะเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายและในราคาเท่าไร ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท รวมค่าดอกเบี้ยและอื่นๆ ซึ่งคณะกรรมการชี้โทษทางวินัยได้ข้อสรุปว่า ให้ชี้มูลความผิดโดยไล่ออกจากราชการทั้ง 3 คน และหลังจากนี้ผู้อำนวยการ อคส. จะนำความเห็นเข้าสู่บอร์ดผู้บริหารจึงจะเป็นข้อยุติ
จุรินทร์กล่าวต่อไปว่า ตนได้สั่งการให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด โดยคาดว่าหลังจากนี้คณะกรรมการชี้ความผิดทางละเมิดกฎหมายก็จะชี้มูลความผิดตามมาว่าใครจะต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นมูลค่าเท่าใดโดยเร็ว
สำหรับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้นได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว ส่วนใครจะมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือจะต้องถูกชี้มูลความผิดและชดเชยอย่างไร ก็เป็นหน้าที่และขั้นตอนของ ป.ป.ช. ต่อไป
จุรินทร์ยังกล่าวถึงมาตรการควบคุมราคาสินค้าในช่วงเทศกาลกินเจว่า ตนได้สั่งการไปยังกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน ให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดเข้าไปตรวจสอบในทุกพื้นที่ อย่าให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในช่วงเทศกาลกินเจ และหากพบผู้ใดกระทำผิดกฏหมาย ค้ากำไรเกินควร ให้ดำเนินการโดยเด็ดขาด ซึ่งโทษของการค้ากำไรเกินควรค่อนข้างสูง คือ จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนกรณีสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อราคาสินค้านั้น กรมการค้าภายในได้กำชับไปยังผู้ผลิตรายใหญ่ทั้งหมดแล้ว เพื่อขอให้ตรึงราคาสินค้าไว้ไม่ให้ขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ก็ได้มีมติเรื่องการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันไว้แล้วระดับหนึ่ง และได้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อวานนี้ จึงต้องรอดูว่าจะมีผลให้ราคาน้ำมันลดลงมาได้ลักษณะไหนอย่างไร