ไม่ใช่เรื่องปกตินักที่สองโค้ชระดับหัวแถวของวงการอย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ และโชเซ มูรินโญ จะเห็นตรงกัน และการที่ยอดกุนซือทั้งสองมองเห็นเรื่องดังกล่าวว่าเป็น ‘ภัย’ ต่อวงการฟุตบอล นั่นหมายถึงการที่โลกควรจะรับฟังอย่างตั้งใจ
การแสดงความเห็นดังกล่าวของ ‘The Normal One’ คล็อปป์ ผู้จัดการที่เพิ่งสามารถพาทีมลิเวอร์พูลเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปี และ ‘The Special One’ มูรินโญ นายใหญ่ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ซึ่งเคยผ่านการคุมทีมระดับชั้นนำมามากมายและประสบความสำเร็จมานับไม่ถ้วน เกิดขึ้นหลังจากที่อนุญาโตตุลาการกีฬา (CAS) ประกาศคำตัดสินให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายชนะอุทธรณ์ต่อคดีที่ถูกยูฟ่าสั่งลงโทษสถานหนักจากคดีกระทำผิดกฎทางการเงิน Financial Fair Play (FFP) และไม่ให้ความร่วมมือในการสืบสวนเรื่องนี้
จากเดิมที่จะต้องถูกลงโทษแบนห้ามเข้าร่วมการแข่งขันในเกมฟุตบอลสโมสรยุโรป ซึ่งมี 3 รายการด้วยกัน ได้แก่ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, ยูฟ่ายูโรปาลีก รวมถึงยูฟ่าซูเปอร์คัพ เป็นระยะเวลา 2 ปี และปรับเงินอีก 30 ล้านยูโร CAS สั่งปรับทีม ‘เรือใบสีฟ้า’ เหลือเพียงแค่ 10 ล้านยูโรเท่านั้น
โดยเหตุผลที่ทำให้ทีมมหาเศรษฐีของวงการฟุตบอลอังกฤษชนะการอุทธรณ์เกิดจากหลักฐานที่ยูฟ่ารวบรวมมาได้ ซึ่งมาจากข้อมูลในอีเมลที่ถูกแฮกออกมาโดย รุย ปินโต หรือ Football Leaks ก่อนที่ข้อมูลการกระทำทุจริตปลอมแปลงเอกสารต่างๆ จะถูกนำไปเผยแพร่ผ่าน Der Spiegel สื่อในเยอรมนีนั้นยังไม่มีน้ำหนักมากพอ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของระยะเวลาด้วย
ความผิดจึงเหลือเพียงแค่การไม่ให้ความร่วมมือกับยูฟ่าในการสืบสวนสอบสวนสถานเดียว และโทษนั้นคือการปรับเงิน
ในประเด็นนี้ ทางด้านคล็อปป์แสดงความผิดหวังอย่างรุนแรงต่อการกลับคำตัดสินดังกล่าวของ CAS และบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น ‘ไม่ใช่วันที่ดีของฟุตบอล’
“ผมดีใจที่ซิตี้จะได้เล่นแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้า เพราะผมคิดว่าถ้าพวกเขาจะลดจำนวนเกมที่ต้องลงเล่นไปราว 10-12 เกมที่จะได้พักผู้เล่น แบบนั้นผมไม่คิดว่าจะมีทีมไหนในลีกที่จะมีโอกาสได้ลุ้นอะไรอีก
“แต่ถ้าให้ผมพูดตรงๆ ผมไม่คิดว่ามันเป็นวันที่ดีสำหรับเกมฟุตบอล เพราะผมคิดว่า FFP เป็นความคิดที่ดี”
ในความเห็นของคล็อปป์ FFP จะสามารถช่วยปกป้องทีมและยังปกป้องการแข่งขันด้วย เพราะอย่างน้อยยังมีการ ‘ขีดเส้น’ เอาไว้ให้ทุกสโมสรต้องทำตาม
“ไอเดียในตอนแรกก็คือการที่จะไม่ให้ใครใช้จ่ายมากเกินไป ก่อนที่จะเริ่มต้นฤดูกาล บรรดาสโมสรใหญ่ๆ ก็ต้องคิดว่าเงินที่พวกเขาจะจ่ายไปนั้นมาจากแหล่งที่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่ใช่รายรับอีกต่อไป มันก็แค่ใครสักคนที่พร้อมจะจ่ายเงินเป็นพันๆ ล้านด้วยเงินของพวกเขาเอง”
แต่การที่ CAS กลับคำตัดสินในครั้งนี้ ทำให้ทุกฝ่ายรวมถึงคล็อปป์เองต้องตั้งคำถามถึงกฎนี้
“ผมหวังอย่างยิ่งว่า FFP จะยังคงอยู่ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นการกำหนดกรอบที่เราสามารถจะไปได้โดยที่ต้องไม่ข้ามเส้นนั้นไป” คล็อปป์กล่าวถึงกฎนี้ “ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเกมฟุตบอล ถ้ามีคนที่ทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องสนใจใคร และคนที่ร่ำรวยหรือชาติที่รำ่รวยคิดอยากจะทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการในเกมฟุตบอล แบบนั้นจะทำให้มีความยากลำบากในการแข่งขัน และผมคิดว่าสิ่งนั้นจะนำไปสู่การตั้งลีกใหม่ของโลกที่จะมีทีมราว 10 ทีมที่แข่งขันกันเอง
“ผมไม่รู้ว่าจะมีสโมสรไหนบ้าง มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสโมสร แต่มันขึ้นอยู่กับคนที่เป็นเจ้าของสโมสรมากกว่า”
ไม่ผิดแล้วทำไมต้องจ่ายค่าปรับ?
ขณะที่ทางด้าน โชเซ มูรินโญ บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือ ‘หายนะ’ ของเกมฟุตบอล และการตัดสินของ CAS คือสิ่งที่น่าอับอาย เพราะหากไม่ผิดแล้วทำไมจะต้องมีการปรับเงิน
“มันเป็นการตัดสินที่น่าละอาย” มูรินโญกล่าว “ถ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ผิดจริง แต่ยังต้องโดนปรับเงิน มันเป็นเรื่องที่น่าอาย ถ้าไม่ผิดก็ไม่จำเป็นต้องโดนลงโทษ ในทางตรงกันข้ามคือถ้าผิดก็ควรจะโดนแบน ไม่ว่าอย่างไรมันก็คือหายนะที่เกิดขึ้น
“ผมไม่ได้บอกว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำผิด ผมแค่บอกว่าถ้าคุณไม่ผิด คุณก็ไม่ควรต้องจ่าย การที่คุณจ่ายค่าปรับแม้แค่ปอนด์เดียว ผมรู้ว่าเรื่องเงินมันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขา แต่เรากำลังพูดถึงหลักการ ทำไมคุณต้องจ่ายเงิน 8-9 ล้านปอนด์ด้วย ถ้าไม่ได้ทำผิด การตัดสินครั้งนี้ก็น่าละอาย และถ้าทำผิด การตัดสินมันก็น่าละอายเช่นกัน สิ่งที่ผมวิจารณ์นี้ไม่ได้จะพูดถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผมไม่ใช่คนที่จะรู้ว่าใครทำผิดหรือไม่ สิ่งที่ผมวิจารณ์คือเรื่องของการตัดสิน”
มูรินโญยังแอบเหน็บว่าจริงๆ แล้วกรณีนี้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจจะเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในการที่ต้องจ่ายเงินค่าปรับในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้กระทำผิดก็ได้
แต่สำหรับกฎ FFP ทางด้านมูรินโญเชื่อว่าการตัดสินของ CAS เป็นการฆาตกรรมกฎนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
“ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า FFP ได้ตายไปแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าของทีมหน้าใหม่ๆ บางทีพวกเขาอาจจะรู้สึกว่าตอนนี้ประตูเข้าดูละครสัตว์ได้เปิดขึ้นแล้ว ถึงเวลาจะได้เข้ามาและสนุกไปกับมัน”
ใครกันแน่ที่ควรขอโทษ
แต่การออกมาส่งเสียงของคล็อปป์และมูรินโญไม่ได้ทำให้กระทบกระเทือนต่อ เป๊ป กวาร์ดิโอลา แม้แต่น้อย
ในทางตรงกันข้าม มันกลับยิ่งทำให้กุนซือชาวสเปนมั่นใจกับสิ่งที่สโมสรทำตลอดมาว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ขณะที่บรรดาเสียงซุบซิบนินทาที่กล่าวหาว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นสโมสรจอมขี้โกงก็ควรที่จะหยุดพูดกันได้แล้ว
“มูรินโญและผู้จัดการคนอื่นๆ ก็ควรรู้ว่าเราถูกทำให้เสียหาย พวกเราควรจะได้รับคำขอโทษด้วยซ้ำ เรามีสิทธิ์จะปกป้องตัวเองเมื่อเราเชื่อมั่นว่าเราได้ทำในสิ่งที่ถูก ซึ่งคณะกรรมการตัดสินก็พูดแบบนี้
“มันเป็นวันที่ดีของเกมฟุตบอล เพราะเราก็อยู่ในเกมเดียวกันกับทุกสโมสรในยุโรป
“ลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอาร์เซนอล ไม่ค่อยสบายใจที่เห็นเราได้มาอยู่ตรงนี้ (เป็นสโมสรระดับชั้นนำของยุโรป) แต่เราสมควรจะได้ขึ้นมาอยู่ตรงนี้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปขออนุญาตพวกเขาด้วย”
กวาร์ดิโอลายังท้าทายว่าหากใครมีปัญหาเกี่ยวกับการบริหารของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ขอให้มาสอบถามกันตรงๆ อย่าไปทำอะไร ‘ลับหลัง’ ซึ่งกุนซือชาวสเปนพาดพิงถึงกรณีที่ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, วูล์ฟส์, เลสเตอร์ ซิตี้, เบิร์นลีย์ และเชลซี ได้รวมตัวกันส่งจดหมายถึง CAS แบบลับๆ เพื่อสอบถามว่าจะมีการประกาศผลตัดสินก่อนฤดูกาลหน้าจะเริ่มต้นหรือไม่
ในประเด็นเรื่องของการซื้อผู้เล่นเข้ามาเสริมทีมด้วยเงินมากมายมหาศาล กวาร์ดิโอลามองว่าทุกสโมสรเองก็ใช้เงินทั้งนั้น
“ฟังนะ มีสโมสรมากมายที่ลงทุน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและอาร์เซนอล ในยุคก่อนพวกเขาก็ลงทุนมากกว่าทีมอื่น ตอนที่เชลซีได้แชมป์ พวกเขาก็ลงทุนมากกว่าทีมอื่น ผมเป็นผู้จัดการทีมที่ดี แต่ผมจะไม่มีทางได้แชมป์ถ้าไม่มีผู้เล่นที่ดี และผู้เล่นที่ดีก็ย่อมมีราคาสูง แต่ทุกสโมสรก็ใช้เงินทั้งนั้น บาร์เซโลนาก็ใช้เงินมหาศาล เรอัล มาดริดก็ใช้เงินมหาศาล สโมสรในอังกฤษใช้เงินมหาศาล”
กวาร์ดิโอลายังชี้ให้เห็นว่าถึงซิตี้จะมีเงิน แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะได้ตัวนักเตะที่ต้องการ เช่น กรณีของ อเล็กซิส ซานเชซ หรือแฮร์รี แม็กไกวร์ ที่ถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดหน้าคว้าตัวไปร่วมทีมในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สิ่งที่โลกฟุตบอลยังต้องรอจับตาคือคำพิพากษาฉบับเต็มที่จะมีการเผยแพร่ออกมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจจะทำให้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นสำหรับอนาคตของกฎ FFP รวมถึงอนาคตของเกมฟุตบอลว่าจะดำเนินไปในทิศทางไหน
รวมถึงยูฟ่าจะคิดอ่านอย่างไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/football/2020/jul/14/mourinho-and-klopp-hit-out-over-manchester-city-appeal-verdict-tottenham-liverpool-disgraceful
- https://www.bbc.com/sport/football/53410842
- https://www.theguardian.com/football/2020/jul/14/a-good-day-for-football-pep-guardiola-defends-manchester-city-cas-verdict