ไม่มีใครรู้หรอกว่าฟ้าจะผ่าลงมาเวลาไหนและที่ใด
แต่ข่าวการประกาศอำลาทีมลิเวอร์พูลล่วงหน้าของ เจอร์เกน คล็อปป์ โดยจะทำงานถึงแค่สิ้นสุดฤดูกาลนี้ เป็นเหมือนฟ้าที่ผ่ากลางหัวใจของแฟน ‘หงส์แดง’ ทั่วโลก หรือจะพูดให้ชัดกว่านั้นมันเหมือนกับโลกทั้งใบที่ถล่มลงมา
นั่นเพราะการประกาศข่าวนี้เกิดขึ้นในวันที่ไม่มีใครคิดหรือแม้แต่จะคาดเดามาก่อน
‘ลิเวอร์พูล 2.0’ ที่คล็อปป์เริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่กำลังไปได้สวย นอกจากขึ้นนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้ด้วยฟอร์มที่น่าประทับใจ พวกเขายังเข้าชิงลีกคัพ ซึ่งเป็นการเข้าชิงรายการที่ 9 นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมลิเวอร์พูลเมื่อปี 2015 และยังอยู่ในเส้นทางของเอฟเอคัพกับยูฟ่ายูโรปาลีก
ตอนเช้าเรายังคุยกันถึง ‘Quadruple’ 4 แชมป์อยู่เลย
ตอนกลางวันเรายังฝันกันถึงว่าคล็อปป์จะต่อสัญญาเพื่อเป็น ‘บอส’ ในแอนฟิลด์ต่อไปอยู่
ตอนเย็นทุกอย่างเหมือนภาพตัด หลายคนอยู่ในความมืดมนอนธการ
แต่ในเรื่องนี้คล็อปป์ได้พยายามอธิบายความรู้สึกที่ยากจะอธิบายของเขาออกมาได้อย่างดีที่สุด
ให้ทุกคนได้เข้าใจในเหตุผลและความรู้สึกที่คิดว่าถึงเวลาจะบอกลากัน
ลองฟังเขาก่อน…จะได้ไหม
“ผมเข้าใจว่ามันจะเป็นเรื่องช็อกสำหรับคนจำนวนมากในตอนนี้ที่พวกคุณได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก แต่แน่นอนว่าผมสามารถอธิบายได้ หรืออย่างน้อยที่สุดผมจะพยายามอธิบาย”
คล็อปป์กล่าวในวิดีโอเปิดใจของเขากับสโมสรถึงเหตุผลในการตัดสินใจที่จะอำลาลิเวอร์พูลแค่สิ้นสุดฤดูกาลนี้ ทั้งๆ ที่ยังเหลือสัญญาอยู่กับสโมสรออกไปจนถึงปี 2026 และในความเป็นจริงเขาเพิ่งจะต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปเมื่อเดือนเมษายน ปี 2022
วันนั้นคล็อปป์ก็สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนเช่นกัน เพราะเป็นการประกาศในช่วงที่ไม่มีใครคาดคิด ลิเวอร์พูลกำลังอยู่ระหว่างเส้นทางประวัติศาสตร์ไล่ล่าแชมป์ 4 รายการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีสโมสรในอังกฤษทีมใดทำได้มาก่อน
“ผมรู้สึกว่ามันเป็นเวลาที่เหมาะสม” คล็อปป์บอกในวันต่อสัญญา
ณ เข็มนาฬิกานั้นทุกอย่างสวยงามไปหมด และการจะทำตามความตั้งใจที่จะอำลาทีมเมื่อหมดสัญญาเดิมที่มีถึงปี 2024 เป็นสิ่งที่เขาไม่แน่ใจว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เช่นเดียวกับ อุลลา ภรรยาที่มีส่วนสำคัญในการ ‘อนุมัติ’ การต่อสัญญาออกไป
สำหรับครั้งนี้คล็อปป์ก็พยายามบอกในแบบเดียวกันว่า “มันเป็นเวลาที่เหมาะสม”
การตัดสินใจนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขาไม่มีความสุขในการทำงาน ไม่ใช่ไม่รักสโมสร และไม่ได้มีปัญหากับใคร
“ผมรักทุกสิ่งทุกอย่างของสโมสรแห่งนี้ ผมรักทุกอย่างในเมืองนี้ ผมรักทุกอย่างในกองเชียร์ของเรา ผมรักทีม ผมรักสตาฟฟ์ ผมรักทุกอย่างจริงๆ”
ถ้ารักไยจำจากเล่า? ใครเขาจะเข้าใจ
แต่เพราะความรักไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป สำหรับคล็อปป์เขา ‘รู้ใจ’ ตัวเองเป็นอย่างดี และไม่มีใครจะรู้ใจของเขาดีไปกว่าตัวของเขาเอง
สิ่งที่ทำให้คล็อปป์ตัดสินใจอำลาลิเวอร์พูล เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเขา ‘หมดแรง’
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ในเดือนพฤศจิกายนลิเวอร์พูลมีการประชุมหารือกันเกี่ยวกับแผนการในอนาคตว่าทีมจะมีการปรับเปลี่ยนไปอย่างไร จะปรับทัพและเสริมทีมแบบไหน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทีมจะมีการหารือกันล่วงหน้า เพื่อทุกฝ่ายจะได้เตรียมงานกัน ตั้งแต่เรื่องของแมวมองไปจนถึงแนวทางของผู้บริหารว่าเห็นชอบกับแผนการหรือไม่ ก่อนจะมีการกำหนดกลยุทธ์ในการทำงานร่วมกัน
ทุกคนไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่ตัวของคล็อปป์แค่คนเดียว
เขามองไม่เห็นภาพของตัวเองที่จะยืนคุมทีมลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะในสนามซ้อมหรือในสนามแข่งขัน
“ผมไม่แน่ใจเลยว่าผมจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไหม และผมเองก็ประหลาดใจตัวเองเหมือนกัน”
จากจุดนั้นเองที่ทำให้เขาทบทวนความรู้สึก สอบถามหัวใจตัวเอง และคำตอบที่ได้คือเขาไปต่อไม่ไหวแล้ว
และความจริงเขารู้ใจตัวเองมาตั้งแต่ในฤดูกาลที่แล้วด้วยซ้ำ
“มันไม่ได้เริ่มในตอนนั้น แต่เกิดขึ้นในฤดูกาลที่แล้วซึ่งเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากที่สุด และมันมีช่วงเวลาที่สโมสรอื่นได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องและควรจะเป็นในการที่จะแยกทางกัน เพียงแต่สำหรับที่นี่มันไม่ได้เกิดขึ้น”
เพราะแบบนั้นคล็อปป์จึงคิดว่าอย่างน้อยที่สุดเขาควรทำอะไรบางอย่าง และอะไรบางอย่างนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ต่อหัวใจของเขา นั่นคือการพยายามพานาวาลิเวอร์พูลที่ล่มสลายให้กลับมาอีกครั้งให้ได้
พาทีมกลับมาเข้ารูปเข้ารอยให้ได้อีกครั้ง เพราะรู้ว่าทีมชุดนี้มีศักยภาพมากแค่ไหน แล้วจากนั้นค่อยกลับมาถามตัวเองใหม่ว่าเขายังรู้สึกแบบเดิมอยู่ไหม ยังมองไม่เห็นตัวเองคุมทีมลิเวอร์พูลต่อไปในอนาคตอีกไหม
ปรากฏว่าในขณะที่ลิเวอร์พูลได้กลายร่างเป็นยุค 2.0 คำตอบในใจของคล็อปป์ก็ยังเหมือนเดิม
เขารู้ตัวแล้วว่าเขาต้องไป
ไม่มีอย่างอื่น
และเพื่อไม่ให้กระทบต่อทุกฝ่าย คล็อปป์เชื่อว่าเขาต้อง ‘จริงใจ’ กับทุกคนด้วยการบอกความต้องการในใจของตัวเองออกไป
ดังนั้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คล็อปป์ได้แจ้งต่อเจ้าของสโมสร ผู้บริหาร ทีมงาน เพื่อนสตาฟฟ์ และนักเตะในทีม
ก่อนที่คิดว่ามันถึงเวลาที่ควรจะบอกกับแฟนๆ ทุกคนในวันนี้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่คล็อปป์ขอเน้นย้ำกับทุกคนคือ อย่าเพิ่งให้ข่าวนี้ทำให้อะไรเปลี่ยนไป อย่าให้มันเป็น Long Goodbye งานบอกลาล่วงหน้าที่แสนเศร้า เพราะลิเวอร์พูลยังอยู่ในเส้นทางของทุกรายการ และมีโอกาสอย่างคู่ควรที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาลนี้
สำหรับคล็อปป์ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องของการคว้าแชมป์ส่งท้ายอะไร แต่สิ่งที่เขาจะทำคือการพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดไปจนถึงวันสุดท้าย
“มาพยายามอย่างถึงที่สุดไปด้วยกันจนจบฤดูกาล ให้เราได้มีรอยยิ้มและมีอะไรให้น่าจดจำเมื่อเราหวนกลับมามองมันอีกครั้งในอนาคต”
คำถามสุดท้ายที่หลายคนสงสัย แล้วความรู้สึกลึกๆ ของคล็อปป์นั้นเป็นอย่างไร?
คำตอบคือ ‘การปิดฉากการทำงานกับลิเวอร์พูลเป็นเหมือนการปิดฉากเทพนิยาย เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคิดหรือวางแผนได้’
“ผมมาที่นี่ด้วยการบอกกับทุกคนตั้งแต่วันแรกว่าผมเป็นแค่คนธรรมดา แต่ผมไม่ได้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดามายาวนาน และผมไม่อยากจะแก่จนเกินไปที่จะมีชีวิตแบบธรรมดา ผมแค่อยากจะลองดูสักครั้ง แล้วดูว่ามันเป็นอย่างไร”
ส่วนเขาจะคิดถึงลิเวอร์พูล คิดถึงการทำงานหรือไม่ เป็นเรื่องที่ยากจะบอกได้ในตอนนี้
คล็อปป์บอกว่าเขาเป็นเหมือนรถสปอร์ตที่พอใช้ได้คันหนึ่ง ยังขับเร็วและแรงอยู่ แต่มีเพียงแต่ตัวเขาที่อยู่หลังพวงมาลัยเท่านั้นที่มองเห็นว่าเกจ์น้ำมันเหลืออยู่แค่ไหน ซึ่งเขาจะไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้
โชคร้ายที่น้ำมันเหลือมาได้แค่นี้พอดี
เทพนิยาย ‘The Normal Guy’ จึงถึงตอนจบ
เพียงแต่ตอนจบจะสุขและสมหวังสำหรับทุกคนหรือไม่ ขอให้โชคชะตานำพาไป