ท่ามกลางกระแสข่าว เจอร์เกน คล็อปป์ อาจจะลาออกจากตำแหน่ง หลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากของชีวิตทั้งในเรื่องส่วนตัวและผลงานของทีมที่ย่ำแย่ แต่ผู้จัดการทีม ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ยืนยันให้แฟนๆ สบายใจว่ายังมีพลังในการทำงานเต็มที่เหมือนเดิมไม่ต้องกังวล
ลิเวอร์พูลเผชิญกับช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในยุคการทำงานของผู้จัดการทีมชาวเยอรมนี หลังจากผลงานในพรีเมียร์ลีกย่ำแย่ต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ็อกซิ่งเดย์ ล่าสุดพ่ายต่อเลสเตอร์ ซิตี้ ทำให้แพ้ติดต่อกันเป็นเกมที่ 3 และทำให้คล็อปป์ยอมรับด้วยท่าทีที่เศร้าอย่างเห็นได้ชัดว่าทีมหมดหวังในการป้องกันตำแหน่งแชมป์
ท่าทางของผู้จัดการทีมวัย 53 ปี ทำให้แฟนๆ ลิเวอร์พูลเกิดความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของกุนซือที่นำแชมป์ลีกกลับสู่สโมสรได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี เนื่องจากในชีวิตส่วนตัวแล้ว เพิ่งมีการเปิดเผยว่าคล็อปป์สูญเสียคุณแม่ไปเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา โดยที่ไม่สามารถเดินทางกลับไปร่วมพิธีศพที่ประเทศเยอรมนีได้ เนื่องจากมีมาตรการห้ามเดินทางจากประเทศอังกฤษ จนทำให้มีแฟนบอลทำป้ายผ้าให้กำลังใจไปติดไว้ที่หน้าสนามแอนฟิลด์โดยมีข้อความว่า “Jurgen Klopp YNWA”
อย่างไรก็ดี ในการให้สัมภาษณ์ก่อนที่จะนำทีมลงสนามในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายคืนนี้ที่จะพบกับแอร์เบ ไลป์ซิก สโมสรระดับชั้นนำของบุนเดสลีกา เยอรมนี ซึ่งต้องแข่งกันที่สนามเป็นกลางปุสกัส อารีนา ในกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เนื่องจากติดปัญหามาตรการการเดินทางนั้น คล็อปป์ยืนยันว่าได้เห็นป้ายผ้าดังกล่าวแล้วและรู้สึกดี แต่ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลในส่วนตัวของเขา เพราะไม่มีแผนจะลาออกหรือไม่คิดว่าจะโดนไล่ออก และไม่จำเป็นที่จะต้องพัก
“ป้ายผ้านั้นดีแต่มันไม่จำเป็น” คล็อปป์กล่าว “ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมต้องการการสนับสนุนพิเศษในเวลานี้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดี ส่วนข่าวลือว่าผมจะโดนปลดหรือผมจะลาออกเอง? ไม่ทั้งสองอย่าง
ผมไม่ต้องการพัก สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะทำคือการพูดเรื่องส่วนตัวในการแถลงข่าว แต่ทุกคนคงรู้แล้วว่าเราผ่านสถานการณ์อะไรมาในเรื่องส่วนตัวซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่มันไม่ใช่แค่ 3 สัปดาห์ก่อน มันเป็นช่วงเวลาที่นานมากแล้ว พวกเราในครอบครัวต่างรับมือกับเรื่องนี้มาอย่างเต็มร้อยเสมอ
ผมอายุ 53 แล้ว ผมอยู่ในวงการฟุตบอลมา 30 ปี ผมเป็นโค้ชมา 20 ปี ผมสามารถแยกแยะได้ ผมสามารถปิดกั้นเรื่องหนึ่งจากอีกเรื่องหนึ่งได้ ผมไม่จำเป็นต้องทำผสมปนเปกันทุกเรื่อง ถ้าผมอยู่ในมุมส่วนตัว มันก็คือมุมส่วนตัว แต่ถ้ามันเป็นเรื่องของฟุตบอลเป็นเรื่องของงาน ผมก็อยู่ตรงนี้
แน่นอนว่าผมได้รับอิทธิพลจากสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวผม แต่ไม่มีใครต้องกังวลใจเกี่ยวกับผม ผมคงไม่ได้ดูน่ากังวลแบบนั้น เพราะอากาศอาจจะไม่เย็น ผมเป็นคนผิวขาวและเคราก็เริ่มหงอกขึ้นเรื่อยๆ ผมนอนไม่มากพอและตาของผมก็เลยเป็นแบบนั้น แต่ว่าทุกอย่างปกติดี ผมมีพลังงานเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม
ผมไม่อยากจะมีสถานการณ์อะไร แต่สถานการณ์มันก็เป็นความท้าทายที่น่าสนใจ ไม่มีใครเคยเขียนตำราว่าเจอสถานการณ์แบบนี้จะผ่านมันไปได้อย่างไร แต่เราจะพยายามแก้ไขมัน ในระหว่างที่เรากำลังทำ มันอาจจะยากลำบาก แต่เราก็จะแก้มันด้วยเกมฟุตบอล แก้มันด้วยการเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าที่เคย แก้มันด้วยการต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่มี แก้มันด้วยการเรียนรู้ให้มากกว่าที่เราเคยได้เรียนรู้จากฤดูกาลก่อนหน้านี้ นี่คือแผนของเรา”
คล็อปป์ยังมั่นใจในแนวทางการเล่นของทีมโดยไม่คิดที่จะปรับเปลี่ยนสไตล์อะไร ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม มองว่าผลงานที่เลวร้ายนั้นเป็นความรับผิดชอบของนักฟุตบอลในทีมเอง แม้ว่าผู้จัดการทีมจะพยายามปกป้องด้วยการยอมรับผิดแทนก็ตาม
“ผมรู้ว่าผู้จัดการทีมพยายามที่จะปกป้องเราให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ต่อหน้าสื่อ แต่พวกเราในฐานะผู้เล่น เรารู้ว่ามันขึ้นอยู่กับเราในการจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ในเวลานี้” เฮนเดอร์สันกล่าว
สำหรับกรณีข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้น กัปตันลิเวอร์พูลให้ความเห็นว่า “ผมไม่คิดว่าผมจำเป็นจะต้องให้ความเห็นกับคนที่นั่งอยู่หลังคีย์บอร์ดคอยปั่นข่าวเกี่ยวกับเจ้านายหรือคนอื่นๆ ในห้องแต่งตัวนะ มันไม่จริงเลย
ผมชอบเรื่องที่บอกว่า ร็อบโบ (แอนดี โรเบิร์ตสัน) และอาลี (อลิสซัน) ต่อยกัน เรื่องนี้ทำเราขำจนท้องแข็ง แต่มันก็เป็นแค่ข่าวลือนะ”
ข่าวดีสำหรับลิเวอร์พูลคือ นักเตะที่บาดเจ็บอย่าง นาบี เกอิตา ซึ่งหายไปตั้งแต่เดือนธันวาคม, ดิวอค โอริกิ กองหน้าตัวสำรอง และเบน เดวิส กองหลังน้องใหม่จากเปรสตันกลับมาทำการฝึกซ้อมได้แล้ว แต่สำหรับฟาบินโญ ตัวรับเสาหลัก ยังไม่พร้อมจะคืนสนาม เช่นเดียวกับ เจมส์ มิลเนอร์ ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อจากเกมนัดล่าสุด
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
