ประชาชนเมียนมาจำนวนมากในหลายเมืองใหญ่ ทั้งย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และกรุงเนปิดอว์ พากันนำรถยนต์และยานพาหนะของตนไปต่อคิวรอเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันเป็นแถวยาว ท่ามกลางความกังวลต่อวิกฤตขาดแคลนน้ำมันที่กำลังเกิดขึ้น โดยประชาชนแต่ละคนต้องใช้เวลารอเติมน้ำมันนานหลายชั่วโมงในแต่ละวัน แม้ว่ารัฐบาลเผด็จการทหารจะเตือนว่าอย่าตื่นตระหนกแห่ซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเกินความจำเป็น
“ผมรออยู่ที่นี่ ที่ปั๊มน้ำมัน Max มา 4 ชั่วโมงแล้ว” คนขับแท็กซี่ในย่างกุ้งบอกกับสำนักข่าว Irrawaddy เมื่อวันพฤหัสบดี (7 ธันวาคม) “ผมแค่จะซื้อน้ำมันเบนซินออกเทน 95 จำนวน 8 ลิตร แต่ผมยังต้องรอต่อไป เพราะมีรถอย่างน้อย 40 คันอยู่ข้างหน้าผม” เขากล่าวเสริม
ทั่วประเทศเมียนมากำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากรัฐบาลทหารไม่มีเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะปล่อยขายออกมาในตลาด ส่งผลให้ผู้นำเข้าน้ำมันไม่มีเงินดอลลาร์เพื่อไปซื้อน้ำมันนำเข้า
แหล่งข่าวเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม รัฐบาลทหารไม่มีเงินดอลลาร์สหรัฐสำหรับขายให้กับผู้นำเข้าน้ำมันเบนซินและดีเซล ต่อมาในวันที่ 5 ธันวาคม ธนาคารกลางประกาศยกเลิกการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับการทำธุรกรรมสกุลเงินต่างประเทศ และปล่อยให้ตลาดกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนแทน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรัฐบาลไม่ขายดอลลาร์สหรัฐอีกต่อไป จึงทำให้ผู้นำเข้าเชื้อเพลิงต้องซื้อดอลลาร์ในอัตราตลาดที่ผันผวน
ยิ่งไปกว่านั้น การค้าเชื้อเพลิงในตลาดมืดกำลังเพิ่มขึ้นในย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และพะโค โดย ณ วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 92 และ 95 ที่สถานีบริการน้ำมัน อยู่ที่ 2,560 จ๊าด และ 2,680 จ๊าดต่อลิตรตามลำดับ ในขณะที่ดีเซลพรีเมียมมีราคาขายอยู่ที่ 2,200 จ๊าด แต่ราคาน้ำมันในตลาดมืดพุ่งขึ้นไปถึงราว 2 เท่า โดยน้ำมันเบนซินซื้อขายกันที่ 5,000 จ๊าดต่อลิตร แหล่งข่าวในย่างกุ้งเผย
นักเศรษฐศาสตร์และนักธุรกิจกล่าวว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาด Forex และตลาดเชื้อเพลิงมีสาเหตุมาจากความพยายามที่ล้มเหลวของรัฐบาลทหารในการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินจ๊าดกับดอลลาร์ หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 1 กุมภาพันธ์ 2021
ปัจจุบันดอลลาร์ขายกันอยู่ที่ราคาประมาณ 3,600 จ๊าดในย่างกุ้ง แต่นักธุรกิจกล่าวว่า ราคาอาจพุ่งสูงถึง 4,000 จ๊าดในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 ธันวาคม) รัฐบาลเมียนมาได้ผ่อนปรนกฎการแปลงสกุลเงินสำหรับผู้ส่งออก จาก 50% เป็น 35% ของรายได้ กฎดังกล่าวกำหนดให้ผู้ส่งออกต้องแปลงรายได้จากสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินจ๊าดตามอัตราอ้างอิงของธนาคารกลาง
แต่การผ่อนปรนกฎดังกล่าวถูกมองว่าสายเกินไป
“รัฐบาลทหารพยายามเข้าควบคุมตลาดด้วยการบีบบังคับ แต่เมื่อไม่มีเงินดอลลาร์อยู่ในมือแล้ว รัฐบาลทหารก็บอกให้ตลาดใช้ราคาของตัวเอง แต่มันก็สายเกินไป” นักเศรษฐศาสตร์กล่าว
แฟ้มภาพ: Myat Thu Kyaw / NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง: