×

จุลพันธ์ย้ำ ‘ภูมิใจไทย-ประชาชน’ รับผิดชอบร่วม มองเป็นดีลการเมืองที่พังพินาศ ผิดหวัง ‘ปล่อยหนูเข้าป่า’ ทำรัฐบาลชิงยุบสภาหนีตรวจสอบ

โดย THE STANDARD TEAM
12.12.2025
  • LOADING...
จุลพันธ์ย้ำ ‘ภูมิใจไทย-ประชาชน’ รับผิดชอบร่วม มองเป็นดีลการเมืองที่พังพินาศ ผิดหวัง ‘ปล่อยหนูเข้าป่า’ ทำรัฐบาลชิงยุบสภาหนีตรวจสอบ

วันนี้ (12 ธันวาคม) เวลา 08.48 น. ที่พรรคเพื่อไทย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปไม่ถึงวาระ 3 ว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่พูดมาโดยตลอด เพราะเราเห็นมาตั้งแต่ต้นว่า MOA ที่ทำมาจากพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนมีแต่ทางล้มเหลว เพราะเป็นดีลการเมืองที่พังพินาศที่สุดเท่าที่เคยมีมา และขัดต่อหลักการประชาธิปไตย

 

และเมื่อเข้าสู่ดีลนี้กันแล้วมีแต่ไปสู่ความผิดพลาด สุดท้ายปรากฏชัดเมื่อวาน (11 ธันวาคม) ซึ่งเราก็สงสัยมาโดยตลอดถึงเรื่องความจริงใจของรัฐบาลที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตรงจุดนี้ตนไม่แน่ใจว่าพรรคประชาชนเพิ่งเห็นหรือไม่อย่างไร เพราะเราพยายามเตือน พยายามบอกตั้งแต่ต้นอยู่แล้วสุดท้ายก็ปรากฏชัด เมื่อวานที่ประชุมรัฐสภา

 

ทางพรรคภูมิใจไทยให้เหตุผลว่าไม่สามารถไปคุยกับ สว. ได้หรือไปควบคุมไม่ได้ จึงจำเป็นต้องยกมือให้เพื่อหวังว่าวาระ 3 จะผ่าน ซึ่งหากจะมีคนเชื่อก็มีแต่พรรคประชาชน เพราะพรรคการเมืองอื่นก็เห็นอยู่แล้วว่าการเคลื่อนไหวของ สว. ชุดนี้ มีความเชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทยอย่างไร และจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องประหลาด ซึ่งณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนได้พูดเมื่อวานว่าที่เข้าสู่ MOA ฉบับดังกล่าวเพราะเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยมีอำนาจที่จะเจรจากับ สว. ชุดนี้ ฉะนั้นณัฐพงศ์คงเชื่อเหมือนกับตนว่ากระบวนการฮั้ว สว. นั้นมีจริง

 

เมื่อถามถึงกรณีที่สถานการณ์มาถึงจุดนี้ดูเหมือนว่าพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยโยนกันไปโยนกันมา จุลพันธ์กล่าวว่า ต้องรับผิดชอบทั้งคู่ ซึ่งสำหรับพรรคเพื่อไทยแสดงความผิดหวังกับรัฐบาล เพราะสภาวะประเทศขณะนี้ ทั้งสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องน้ำท่วมที่ยังแก้ไขไม่เสร็จ รัฐบาลกลับปัดทิ้งภาระความรับผิดชอบ และเลือกที่จะหนีการตรวจสอบผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และยุบสภา ทิ้งให้ประชาชนเดือดร้อนต่อไป

 

จุลพันธ์ระบุอีกว่า แน่นอนว่ากลไกภาครัฐยังสามารถเดินต่อไปได้ ทหารก็ดูแลชายแดนไป แต่รัฐบาลปัดความรับผิดชอบของตนเอง ยุบสภาหนีการตรวจสอบ ในขณะที่ความผิดหวังที่สองของพรรคเพื่อไทย คือ พรรคประชาชน ซึ่งยอมรับว่าก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกับณัฐพงศ์จริง ซึ่งณัฐพงศ์มาขอให้พรรคเพื่อไทยชะลอการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และสุดท้ายมาพูดคุยกันว่าหากการลงมติในวาระที่ 2 มีปัญหาหรือแพ้ ณัฐพงศ์ก็จะมาร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

 

“ต้องใช้คำว่า ปล่อยหนูเข้าป่า เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้กับรัฐบาลสามารถที่จะยุบสภาได้ทัน เพื่อที่จะไม่ต้องตรวจสอบกัน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาล ไม่ต้องโดนตรวจสอบ ซึ่งเราผิดหวัง ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ และอีกหลายพรรคการเมืองที่มาลงชื่อไว้กับผมก็พร้อมที่จะตรวจสอบ เรารอพรรคประชาชนว่าจะเอาอย่างไร” จุลพันธ์กล่าว

 

เมื่อถามว่า พรรคประชาชนตามเกมไม่ทันทั้ง MOA หรือการชิงยุบสภาก่อนที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า ตามไม่ทันหรือเห็นว่าวิธีการนี้ดีกว่า ตนไม่ทราบ ท่านอาจจะเลือกให้มีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งแทนการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งการตรวจสอบรัฐบาลมีปัญหาเยอะทั้งเรื่องของกรณีเขากระโดง ฮั้ว สว. การทุจริตคอร์รัปชัน MotoGP และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมาประเทศไทยและคนไทยไม่ได้อะไรเลย คนที่ได้ทั้งหมดเต็มๆ คือ พรรคภูมิใจไทยที่ได้สะสมกำลัง เสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มอนุรักษ์นิยม และได้โยกย้ายข้าราชการเตรียมไว้สำหรับการเลือกตั้ง ซึ่งคนไทยไม่ได้อะไร กลับต้องมาเผชิญกับรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่บริหารงานน้ำท่วมล้มเหลว รวมถึงงานชายแดน ซึ่งทั้ง 2 พรรคที่อยู่ใน MOA ต้องรับผิดชอบทั้งคู่

 

ส่วนสถานการณ์แบบนี้เหมือนปล่อยให้รัฐบาลลอยตัวเหนือความผิดหรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า ถูกต้อง ซึ่งตามกระบวนการถ้ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สภาก็เดินหน้ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ต่อได้ สภาก็มีหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีเข้ามาใหม่ หาก อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลุดออกจากตำแหน่ง ซึ่งยังสามารถเสนอชื่อเข้ามาได้ และการแก้ไขปัญหาประเทศก็เดินหน้าต่อ เมื่อมีรัฐบาลใหม่มาก็ประสานงานต่อแค่นั้น แต่ตอนนี้คือมีสุญญากาศ

 

เมื่อถามย้ำว่า เป็นการเตะหมูเข้าปากหนูใช่หรือไม่ พรรคเพื่อไทยจะตั้งเกมรับมืออย่างไร จุลพันธ์กล่าวว่า เราไม่ตั้งเกม เพราะเราเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว วันนี้ต้องบอกประชาชนว่าอย่าสิ้นหวัง วันนี้ต้องใช้เวทีการเลือกตั้งนำพาประเทศกลับสู่ความถูกต้อง พรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นตัวเลือก

 

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องสู้กับกระแสคลั่งชาติและสถานการณ์ชายแดน จุลพันธ์กล่าวว่า กระแสใดก็ตามเราก็ต้องฟันฝ่า และต้องแสดงความจริงใจของเราให้กับประชาชน จุดยืนของเพื่อไทยเรามั่นคง

 

ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนมีผลกระทบกับการเลือกตั้งหรือไม่ จุลพันธ์ กล่าวว่า มีแต่พูดคุยกันว่าจะจัดการเลือกตั้งได้หรือไม่ในกรณีที่ไม่สามารถจัดเลือกตั้งพร้อมกันทั้งประเทศ ซึ่งเมื่อวานนี้ สส. ของพรรคภูมิใจไทยเดินพูดทั้งวัน ซึ่งกลไกตามรัฐธรรมนูญไม่มีอะไรติดขัด เพราะรัฐธรรมนูญกำหนด ว่า ต้องเลือกตั้งภายใน 45-60 วัน คาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ หรือ 8 กุมภาพันธ์ 2569 แต่ถ้าจะให้ทันตามกรอบเวลา การตั้งคำถามประชามติ คงต้องเป็นวันที่ 8 กุมภาพันธ์ และเมื่อมีประกาศให้เลือกตั้งทั้งประเทศแล้ว กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งก็เขียนชัดเจน ว่า ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินจำเป็น แต่ละหน่วยเลือกตั้งสามารถเลื่อนการเลือกตั้งในแต่ละจุดนั้นได้ แต่ไม่กระทบการเลือกตั้งภาพรวม

 

จุลพันธ์กล่าวอีกว่า ยังมองไม่ออกว่า รัฐบาลมีความประสงค์ที่จะดำเนินการด้วยกฎหมายช่องใด แต่ต่อให้ดำเนินการจริง ก็สามารถทำได้ ถ้ามีช่องทางทางกฎหมาย แต่นั่นคือความพังพินาศของท่าน เพราะประชาชนคนไทยคงไม่รอด้วย

 

เมื่อถามว่า ที่มีการตั้งข้อสงสัยสถานการณ์การชายแดนที่เกิดขึ้นมีการเอื้อต่อการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง จุลพันธ์กล่าวว่า ประเด็นนี้อย่าคิดมาก ตนเองก็ติดตามข่าวสาร แต่นาทีนี้สิ่งที่ต้องทำ คือ การส่งกำลังใจให้ทหารที่บริเวณชายแดน และประชาชนที่ต้องประสบภัย และต้องอพยพ ซึ่งตัวแทนของพรรคเพื่อไทยเองก็อยู่ในพื้นที่ และให้ความช่วยเหลือกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อถามว่า การชิงยุบสภาก่อนจะส่งผลต่อการปราบสแกมเมอร์หรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า กระบวนการการแก้ไขปัญหาต่างๆ หน่วยงานรัฐก็ต้องดำเนินการต่อไป อย่าให้สะดุดติดขัดตามกรอบกฎหมายที่มี ในส่วนของรัฐบาล การรักษาการก็สามารถดำเนินการภารกิจที่เป็นประโยชน์กับประชาชนได้ ไม่ใช่ต้องยุติไปทั้งหมด เมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็ไปสานต่อ ซึ่งไม่ทำให้การแก้ปัญหานั้นหยุด

 

เมื่อถามว่า จะได้เห็นความจริงใจสุดท้ายของรัฐบาล ในการเดินหน้าทำคำถามประชามติหรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร สุดท้ายพวกเราที่อยู่ในสภาก็คุยกัน เพื่อที่จะเร่งกระบวนการในการผ่านญัตติเรื่องคำถามประชามติ คำถามที่ 1 ว่า เห็นควรให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ซึ่งจบด้วยดี

 

“ตอนนี้ไม่ได้ถามถึงความจริงใจรัฐบาล เมื่อมีคำถามประชามติส่งไปจากรัฐสภาไปยังรัฐบาล ตามกฎหมายรัฐบาลต้องดำเนินการ ดังนั้น ไม่ต้องไปถามหาความจริงใจ ผมว่า ความจริงใจเขาหมดตั้งแต่เข้าสู่ MOA และกระบวนการลงมติมาตรา 256/28 เมื่อคืนนี้แล้ว วันนี้ไม่ได้มาถามหาความจริงใจ แต่ขอให้ทำตามกฎหมาย คือ คำสั่งที่รัฐสภาส่งไปให้ถาม ก็ไปถามซะ” จุลพันธ์กล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising