ตลาดหุ้นไทยช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาปกคลุมไปด้วยประเด็นร้อน โดยเฉพาะเรื่องของ Short Selling ที่กลายเป็นที่ถกเถียงกันในแวดวงตลาดทุนว่ามีนักลงทุนบางคนหรือบางกลุ่มสามารถทำ Naked Short Selling อยู่หรือไม่ ขณะที่มูลค่าการซื้อ-ขายในตลาดหุ้นไทยก็เบาบางลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนของดัชนี SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมายังเป็นบวกได้เล็กน้อย 0.37% มาปิดที่ระดับ 1,393.42 จุด (ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน) แต่ถ้าเทียบกับตลาดหุ้นหลายแห่งทั่วโลก ดัชนี SET ค่อนข้าง ‘อ่อนแอ’ กว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหากเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นราว 10% ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวได้ 5-10% ส่วนตลาดหุ้นในเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง และเวียดนาม ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับตลาดหุ้นไทย
ท่ามกลางบรรยากาศหุ้นไทยที่ดูค่อนข้างอ่อนแอ หุ้นรายตัวของไทยที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คือ บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น (JTS) เป็นหุ้นที่เพิ่มขึ้นสูงสุด 68.70% มาปิดที่ 55.25 บาท ส่วนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ร้อนแรงรองลงมาคือ บมจ.มาลีกรุ๊ป (MALEE) +39.31% และ บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA) +32.57%
สำหรับครั้งนี้ THE STANDARD WEALTH อยากโฟกัสไปที่หุ้นที่ร้อนแรงที่สุดของเดือนที่ผ่านมาอย่าง JTS ซึ่งน่าจะได้อานิสงส์จากการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ราว 50% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่ามมา จากราว 25,000 ดอลลาร์ มาแตะระดับ 38,000 ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นมาประมาณ 100% จากปลายปี 2022
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของหุ้นที่เชื่อมโยงกับ Bitcoin อย่าง JTS ในรอบนี้อาจต่างไปจากการวิ่งขึ้นในรอบก่อนหน้านี้
“ปัจจุบันนักลงทุนเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าหุ้นกลุ่มนี้เมื่อวิ่งขึ้นก็ขึ้นได้ดี แต่เมื่อลงก็ลงลึกเช่นกัน คนเริ่มเข้าใจว่าต้องดูธุรกิจหลักของหุ้นนั้นๆ ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ดูราคา Bitcoin รวมทั้งเข้าใจว่ากำไรทางบัญชีจาก Bitcoin หากบริษัทไม่ได้ขาย Bitcoin ที่ถืออยู่ออกมา สุดท้ายก็จะไม่ได้กำไรจริง โดยรวมแล้วนักลงทุนจึงไม่ได้ให้พรีเมียมต่อราคาหุ้นที่อิงกับ Bitcoin เท่ากับในอดีต”
ด้วยสภาพตลาดปัจจุบันที่นักลงทุนรายย่อยน้อยลงก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พรีเมียมของหุ้นเหล่านี้ลดลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในวันที่ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นแรง ก็อาจเห็นแรงเก็งกำไรเข้ามาใน JTS เพราะปัจจุบันหุ้นที่อิงกับ Bitcoin เหลือตัวเลือกไม่มากนัก
นอกจากนี้ JTS ยังมีประเด็นของการเกาะกระแสไปกับเทคโนโลยี ล่าสุดคือการประกาศลงนามความร่วมมือกับเคที คอร์ปอเรชั่น เพื่อร่วมกันวางแผนให้บริการ Generative AI
ณัฐพลกล่าวต่อว่า หุ้นอีกตัวที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับ Bitcoin คือ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ซึ่งรายงานผ่านผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ผ่านมาว่า เข้าลงทุนใน Bitcoin คิดเป็นเงินลงทุนราว 2.6 พันล้านบาท ด้วยต้นทุนราคา Bitcoin ที่ประมาณ 26,000-27,000 ดอลลาร์ ทำให้บริษัทมีกำไรทางบัญชีแล้วประมาณ 1 พันล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการของ JTS ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้รวม 1.74 พันล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 3.9 ล้านบาท โดย ณ ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา JTS มีเหรียญ Bitcoin อยู่ในมือจำนวน 206.63 เหรียญ Bitcoin
ล่าสุดราคาหุ้น JTS วันนี้ (28 พฤศจิกายน) ปิดที่ 58.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.43% จากวันก่อนหน้า
อีกหนึ่งประเด็นที่นักลงทุนกำลังติดตามกันต่อจากนี้คือ ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving หรือการที่จำนวนของเหรียญ Bitcoin ที่จะได้จากการขุดจะลดลงครึ่งหนึ่ง จากปัจจุบันที่ 6.25 เหรียญ Bitcoin มาเหลือ 3.125 เหรียญ Bitcoin โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน ปี 2024
จากสถิติในอดีตที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์ Bitcoin Halving มาแล้ว 3 ครั้ง และทุกครั้งที่ผ่านมาราคา Bitcoin สามารถปรับตัวขึ้นได้ทั้งหมดในช่วง 150 วันถัดมา โดย Halving ครั้งแรกในปี 2012 ราคาพุ่งขึ้นจาก 12.35 ดอลลาร์ เป็น 127 ดอลลาร์ ถัดมาในปี 2016 ราคาเพิ่มขึ้นจาก 650.53 ดอลลาร์ เป็น 758.81 ดอลลาร์ และเมื่อปี 2020 ราคาพุ่งขึ้นจาก 8,821.42 ดอลลาร์ เป็น 10,943 ดอลลาร์
อ้างอิง: