เมื่อมีลมย่อมมีคลื่น เมื่อมีคลื่นย่อมตามมาซึ่งผลกระทบที่ทั้งเรือเล็ก เรือใหญ่ จะต้องฝ่าออกไปให้ได้ และเรียกได้ว่าเป็นพายุลูกล่าสุดของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยที่หลายฝ่ายกำลังจับตา กับการประกาศยุติการดำเนินงานบางส่วนของ บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด โดยมีผลตั้งแต่วานนี้ (1 กรกฎาคม) นั้น ก็ทำให้เกิดคลื่นกระทบที่น่าจับตามากมาย รวมไปถึงความงุนงงสงสัยของทั้งคนในวงการและแฟนๆ ผลงาน ทั้งรายการโทรทัศน์และงานซีรีส์ที่เคยมีชื่อของ JSL เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง
THE STANDARD POP อยากพาทุกคนออกเรือไปสำรวจผลกระทบจากคลื่นลูกนี้ ไม่ว่าจะเป็นอนาคตของพนักงาน รวมไปถึงอนาคตของชิ้นงานต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ JSL รวมถึงทิศทางที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต หลังการแถลงการณ์ครั้งสำคัญไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา
บทความที่เกี่ยวข้อง:
-
แรงกดดันใต้น้ำของ JSL
หากย้อนกลับไป บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด (JSL) ถูกก่อตั้งในปี 2522 หรือกว่า 40 ปีที่แล้ว เป็นบริษัทผลิตรายกายโทรทัศน์และละครในตำนาน ที่คนยุคอนาล็อกต้องคุ้นหูคุ้นตา ด้วยผลงานที่เป็นที่น่าจดจำอย่าง รายการ เจาะใจ, จันทร์พันดาว, กบนอกกะลา, ยุทธการขยับเงือก, คนค้นฅน และ กลมกิ๊ก นอกจากนี้ JSL ยังเคยได้รับโอกาสให้จัดพิธีเปิดและพิธีปิดของงาน ‘Asian Games ครั้งที่ 13’ ที่จัดที่กรุงเทพฯ อีกด้วย
ในระยะหลังมานี้บริษัท JSL ก็ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านของยุคดิจิทัลและสถานการณ์โควิดอย่างหนัก จนทำให้รายได้ของบริษัทลดลงหลักร้อยล้าน ทั้งยังตกอยู่ในสภาวะขาดทุนมากว่า 3 ปี โดยในปี 2564 มีรายงานว่าบริษัทขาดทุนติดลบไปกว่า 57 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทเผชิญปัญหาหนี้สินเกินทุนมากว่า 1 ปี และไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนมาช่วยพยุงธุรกิจได้ ส่งผลให้บริษัทเลือกจะยุติการดำเนินงานบางส่วนลงอย่างกะทันหันในวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา
-
ผลกระทบในฝั่งของพนักงาน
แน่นอนว่าคลื่นลูกแรกที่เกิดขึ้นหลังจากการยุติการดำเนินงานบางส่วนของ JSL นั้น ซัดไปที่ฝั่งของพนักงานก่อนเป็นกลุ่มแรก โดยคณะผู้บริหารได้มีการพูดคุยกับพนักงานเพื่อแจ้งให้ทราบถึงเหตุผลทั้งหมด รวมถึงการยกเลิกสัญญากับพนักงานจำนวน 88 คน ซึ่งมีผลทันทีในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
จากการพูดคุยกับพนักงานท่านหนึ่งของบริษัท JSL ที่มีอายุงานกว่า 25 ปี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะผู้บริหารได้มีการเรียกพนักงานทุกคนเข้าประชุมเพื่อแจ้งให้ทราบถึงการปิดตัวลงที่เกิดขึ้น โดยให้พนักงานของบริษัททั้งหมดเข้ามาเก็บของในวันที่ 30 มิถุนายน และให้สิ้นสุดการทำงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป ในส่วนของเงินชดเชยนั้น ทางบริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้เพียง 16% ของเงินชดเชยที่พนักงานควรจะได้รับตามกฎหมายเท่านั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พนักงานส่วนใหญ่รู้สึกตกใจและผิดหวังกับการตัดสินใจของบริษัท เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่เป็นพนักงานที่ทำงานให้กับ JSL มาเป็นเวลานาน ผ่านมรสุมกับบริษัทมาในทุกยุค แต่เมื่อเกิดวิกฤตครั้งนี้ บริษัทเลือกจะปิดตัวลงและแจ้งพนักงานล่วงหน้าอย่างกะทันหัน พร้อมจ่ายเงินชดเชยในตัวเลขที่น้อยมากหากเทียบกับกฎหมายกำหนด
เบื้องต้นทางสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรุงเทพฯ พื้นที่ 4 ได้เดินทางมาที่บริษัทเพื่อสอบถามและให้คำแนะนำกับทางพนักงาน ซึ่งในวันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคมนี้ ก็จะมีการรวมตัวของพนักงานที่ได้รับผลกระทบ เพื่อเดินทางไปยื่นเรื่องและดำเนินการตามกฎหมายที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานต่อไป
-
อนาคตของรายการและละครภายใต้ชื่อ JSL
เมื่อประกาศของ JSL ออกมา หลายๆ คนน่าจะตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตและทิศทางของรายการ รวมถึงละครที่อยู่ในมือของบริษัทตอนนี้ ว่าจะมีการดำเนินงานอย่างไรต่อไปบ้าง
ปัจจุบัน JSL มีรายการในความรับผิดชอบอยู่เพียง 4 รายการเท่านั้น คือรายการ เจาะใจ ออกอากาศทางช่อง 9 MCOT HD, รายการ ไมค์คู่ไม่รู้ใคร ออกอากาศทางช่อง 7HD, รายการ มาลัยไฟท์เตอร์ ออกอากาศทางช่อง 7HD และรายการ Perspective ออกอากาศทางช่อง 9 MCOT HD
ซึ่งรายการทั้ง 4 นี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือโยกย้ายไปในทางไหน รวมถึงข่าวลือที่ว่าทั้ง 4 รายการถูกย้ายไปให้กับ บริษัท จูเวไนล์ จำกัด ก็ยังไม่เป็นความจริง
ส่วนละครที่มีการจับมือกับช่อง Thai PBS อย่าง บุษบาลุยไฟ นำแสดงโดย เฌอปราง BNK48 และ โทนี่ รากแก่น นั้น เป็นโปรเจกต์ที่จูเวไนล์รับผิดชอบดำเนินงานและถ่ายทำมาตั้งแต่ต้น ซึ่งตอนนี้ก็ได้ดำเนินการถ่ายทำไปได้ประมาณ 50% แล้ว และจะเตรียมลงจอให้แฟนๆ ได้ดูในปีหน้าอย่างแน่นอน
-
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ บริษัท จูเวไนล์ จำกัด
บริษัท จูเวไนล์ จำกัด ได้ชี้แจงกับ THE STANDARD POP ผ่านฝ่ายประชาสัมพันธ์ว่า ส่วนที่มีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับประเด็นของ JSL คือการเป็นบริษัทลูกของ JSL แต่ ณ ปัจจุบัน ทางจูเวไนล์ยืนยันว่า ได้แยกตัวออกมาจาก JSL อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีการจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2564 ดังนั้น จูเวไนล์จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางธุรกิจและการบริหารงานกับ JSL อย่างที่หลายคนเข้าใจ
แรกเริ่ม บริษัท จูเวไนล์ จำกัด เดิมคือบุคลากรภายใต้สายงาน Content Business ของ บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ซึ่งมี ฐิติ สุทธิกุลพานิช เป็นผู้บริหารสายงาน มีหน้าที่พัฒนาและผลิตคอนเทนต์ให้กับพาร์ตเนอร์ของบริษัท ซึ่งประกอบไปด้วย OTT และช่องฟรีทีวี มีผลงานสร้างชื่อ เช่น ซีรีส์ พรุ่งนี้…จะไม่มีแม่แล้ว และ Mother เรียกฉันว่า…แม่ ซึ่งผลิตให้กับ LINE TV รวมถึงซีรีส์ TEA BOX ชายชรากับหมาบ้า ผลิตให้กับช่อง Thai PBS ผลงานเหล่านี้ได้รับการตอบรับที่ดี รวมไปถึงได้รับรางวัลการันตีจากทั้งในไทยและต่างประเทศ
ต่อมา ฐิติเล็งเห็นว่าการที่จะทำให้ธุรกิจการผลิตคอนเทนต์เติบโตอย่างคล่องตัวไปให้ได้มากกว่านี้ จำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และมีแบรนดิ้งที่ชัดเจนให้คนจดจำ ซึ่งบริษัทเดิมอาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ได้ จึงแยกตัวออกมาจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้น โดยใช้ชื่อว่า บริษัท จูเวไนล์ จำกัด โดยมี รติวัลคุ์ ธนาธรรมโรจน์ และ กฤษฏิ์ ชูพินิจ มาร่วมบริหารงาน
ข้อมูลสำคัญคือ บริษัทใหม่นี้แยกขาดจากบริษัทเดิมโดยสิ้นเชิง และได้เปิดดำเนินกิจการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 แล้ว ดังนั้น บริษัท จูเวไนล์ จำกัด จึงไม่ใช่บริษัทในเครือ JSL แต่อย่างใด แต่อยู่ในฐานะพาร์ตเนอร์ของบริษัท
ปัจจุบัน บริษัท จูเวไนล์ จำกัด ทำหน้าที่ดำเนินธุรกิจในการผลิตละคร ซีรีส์ ซึ่งมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นละครเรื่อง บุษบาลุยไฟ, ละครเรื่อง ณ ขณะเหงา ที่เตรียมออกอากาศทาง Thai PBS และละครเรื่อง เกมรักทรยศ (The Betrayal) ที่รีเมกจากซีรีส์เรื่อง Doctor Foster หรือที่หลายคนคุ้นเคยกับเวอร์ชันเกาหลีในชื่อ A World of Married Couple ซึ่งมีแผนจะออกอากาศทางช่อง 3 ในปี 2566
อ้างอิง: