ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลอดทั้งปี 2022 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ของนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดตราสารหนี้ (Bond) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อพยายามควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้ปีนี้เป็นหนึ่งในปีที่ย่ำแย่ที่สุดของบอนด์ในรอบหลายสิบปี อย่างกรณีของ Bloomberg U.S. Aggregate Bond Index ติดลบถึง 10.35%
ขณะที่ตลาดบอนด์ของอังกฤษเป็นหนึ่งในตลาดที่ถูกถล่มขายอย่างหนัก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี พุ่งขึ้น 0.64% ไปสู่ระดับ 1.24% แม้ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะเข้ามาแทรกแซงด้วยการใช้งบประมาณฉุกเฉินเพื่อรับซื้อพันธบัตรจนถึง 14 ตุลาคมนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ภาวะ เศรษฐกิจถดถอย อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด เปิดกลยุทธ์รับมือเน้น Predict-Prepare-Perform
- วิเคราะห์ 5 สัญญาณ บ่งชี้ เงินเฟ้อ โลกใกล้ถึงจุดพีค
- ภาระ ‘ผ่อนบ้าน’ อาจเป็นพายุลูกใหม่ซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก เมื่อดอกเบี้ยบ้านแพงสุดรอบ 15 ปี
แต่ในมุมของ Geoffrey Yu นักกลยุทธ์อาวุโสของ Bank of New York Mellon สาขาลอนดอน มองว่า BOE ทำได้เพียงแค่ช่วยทำให้ตลาดสงบลงชั่วคราว แต่ไม่สามารถช่วยให้ทุกอย่างคลี่คลายได้
ในมุมของ Karen Ward หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย ของ JPMorgan Asset Management ระบุผ่านบทความว่า เป็นช่วงเวลากว่า 10 ปี ที่เธอกลับมารู้สึกตื่นเต้นกับตลาดบอนด์อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดบอนด์ซื้อขายกันด้วยราคาที่ผิดไปจากที่ควรจะเป็นอย่างมาก
ช่วงเริ่มต้นของปีนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของอังกฤษ อยู่ที่ 1% ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 1.5% ส่วนเยอรมนี -0.2% ขณะที่ราคาของหุ้นกู้เอกชนก็อยู่ในระดับต่ำแบบไม่น่าเชื่อ อย่างหุ้นกู้ที่ได้ชื่อว่าหุ้นกู้อัตราดอกเบี้ยสูง (High-Yield Bonds) ในยุโรป กลับให้อัตราผลตอบแทนเพียงประมาณ 3%
และในช่วงเวลาหนึ่งจะเห็นว่าหุ้นกู้ราว 1 ใน 3 ที่รวมอยู่ใน Barclays Global Aggregate Index ให้ผลตอบแทนติดลบ และทำให้บอนด์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนแน่นอน เหลือเพียงแค่ชื่อเท่านั้น
ปัญหาที่ผ่านมาคือนักลงทุนและธนาคารกลางแต่ละแห่งต่างปักใจเชื่อว่าเงินเฟ้อและการเติบโตในระบบเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกนาน ซึ่งการเติบโตต่ำนี้เป็นผลจากเรื่องของลักษณะทางประชากรศาสตร์และผลิตภาพโดยรวมที่แย่ลง ขณะที่การเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์และการแพร่หลายของอินเทอร์เน็ต ก็ทำให้ผู้คนเชื่อว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ธนาคารกลางแต่ละแห่งไม่มีทางเลือกนอกจากใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำพร้อมวางกรอบเงินเฟ้อที่ 2%
เงินเฟ้อที่หายไปนำไปสู่สมมติฐานที่ว่าธนาคารกลางแต่ละแห่งจะสามารถเข้าซื้อบอนด์เพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดผันผวนได้อยู่ตลอด นักลงทุนต่างไม่ต้องการดอกเบี้ยสูงขึ้นเพื่อชดเชยความเสี่ยง
ท้ายที่สุดแล้ว ตลาดได้แสดงให้เห็นว่าความคิดเหล่านี้ล้วนไม่ถูกต้อง สถานการณ์ตอนนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วสามารถก่อให้เกิดเงินเฟ้อ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพราะต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ยังเกิดขึ้นได้ด้วยแค่กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ
Ben Bernanke อดีตประธาน Fed และผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปีนี้ เคยกล่าวไว้ว่า “ภายใต้ระบบเงินกระดาษที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ รัฐบาลสามารถจะใช้จ่ายสูงขึ้นและก่อให้เกิดเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นได้อยู่เสมอ”
ตลาดบอนด์กำลังถูกประเมินมูลค่าใหม่ นักลงทุนจำเป็นจะต้องทบทวนเกี่ยวกับแนวนโยบายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางใหม่ทั้งหมด รวมทั้งประเมินส่วนชดเชยความเสี่ยงอีกครั้ง เพราะธนาคารกลางไม่สามารถจะรองรับตลาดได้ทั้งหมด
บางคนอาจโต้แย้งว่า BOE ยังสามารถที่จะเข้าแทรกแซงตลาดพันธบัตรได้เลย แต่ต้องไม่ลืมว่าการเข้าแทรกแซงครั้งนี้ถูกจำกัดระยะเวลาไว้แล้ว และด้วยเป้าหมายหลักที่ต้องควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้ BOE จะต้องกลับไปเดินหน้าลดขนาดงบดุลในเดือนหน้า ซึ่งเราจะเห็นว่าความเสี่ยงเหล่านี้ยังสะท้อนผ่านตลาด จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษยังสูงกว่า 3%
การปรับฐานของตลาดบอนด์ทั่วโลกใกล้ที่จะจบลงแล้ว จากความเป็นไปได้ทั้งหมด เราคงจะไม่กลับไปสู่ยุคการเติบโตหรือเงินเฟ้อต่ำอีกแล้ว และก็คงจะไม่ต้องเผชิญกับการที่เงินเฟ้ออยู่เหนือการควบคุม
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เชื่อว่าเงินเฟ้อทั่วโลก นำโดยสหรัฐฯ จะเริ่มผ่อนคลายลง แต่โดยส่วนตัวแล้ว Karen ไม่ได้มองว่าเศรษฐกิจจะพังลงมา แต่เป็นการเข้าสู่ยุคของดอกเบี้ยที่สูงกว่าในอดีต อย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี น่าจะอยู่ที่ราว 4%
Karen กล่าวต่อว่า หากสิ่งที่เธอคิดถูกต้อง ราคาของบอนด์ทั่วโลกจะเริ่มน่าดึงดูด เพียงแค่ดูจากสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในปีนี้ พันธบัตรรัฐบาลแต่ละประเทศให้ผลตอบแทน 3% เทียบกับ 1% เมื่อต้นปี ขณะที่หุ้นกู้เอกชนในระดับลงทุน ให้ผลตอบแทน 5% เทียบกับระดับต่ำกว่า 2% ในขณะที่หุ้นกู้ดอกเบี้ยสูงจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่ออีกต่อไป ด้วยอัตราผลตอบแทนที่สูงเกือบ 10%
หลังจากความเจ็บปวดของตลาดบอนด์ในปี 2022 เชื่อว่าบอนด์ยังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นได้หลังจากนี้
อ้างอิง:
- https://www.ft.com/content/0ec09021-55e8-4829-b3e2-651483303499
- https://www.morningstar.com/articles/1113571/are-bond-investors-making-a-mistake-by-bailing-out
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-10-10/boe-s-market-calming-moves-can-only-go-so-far-as-yields-climb?sref=CVqPBMVg
- https://news.yahoo.com/boe-chief-says-3-days-200732841.html